การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มจี นัดที่สี่ คู่ระหว่าง “เสือเหลือง” ทีมชาติมาเลเซีย จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย โดยฟุตบอลนัดนี้จะลงเตะกันในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน เวลา 19.45 น. ที่สนาม บูกิต จาลิล เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เจ้าบ้าน “เสือเหลือง” ทีมชาติมาเลเซีย เจอกับโจทย์ยาก หลังประเดิมสนามด้วยชัยชนะเหนือ “อิเหนา” ทีมชาติอินโดนีเซีย 3-2 แต่สองนัดต่อมาแพ้รวดต่อ “นักรบชุดขาวแห่งตะวันออกกลาง” ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1-2 ในบ้านของตัวเอง และ บุกไปพ่ายทัพ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม 0-1 แข่ง 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 2 มี 3 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 4 ของตาราง หากไม่สามารถเก็บสามแต้มได้ในนัดนี้ โอกาสตกรอบมีสูงมาก
แต่การในเล่นในบ้านของตัวเองของทีมชาติมาเลเซีย ถือว่ายังทำให้พอได้ชื่นใจ การเปิดบ้านพ่าย ทีมชาติไทย ต้องย้อนไปถึงฟุตบอลซีเกมส์ ปี 2001 ที่มาเลเซีย เป็นเจ้าภาพ แต่หากพูดถึงที่สนาม บูกิต จาลิล ทีมชาติไทยยังไม่เคยบุกมาชนะเลย โดยทีมชุดนี้ไม่มีใครถอนตัว ตัวหลักๆอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่มาจากทีม “พยัคฆ์แดนใต้” ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ยักษ์ใหญ่ในลีกมาเลเซีย ส่วนนักเตะที่เล่นในลีกต่างประเทศ มีเพียง โดมินิค ตัน เซนเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่ง ที่สโมสร โปลิศ เทโร ในไทยลีก 2 ยืมตัวมาจาก ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม 4 เดือน
ทีมเยือน “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ออกสตาร์ทได้อย่างงดงาม หลังประเดิมการแข่งขันด้วยการเปิดบ้านเสมอกับทัพ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม ไปแบบไม่มีสกอร์ ก่อนที่จะเก็บชัยชนะได้สองนัดรวด เริ่มจากการบุกไปชนะ “อิเหนา” ทีมชาติอินโดนีเซีย 3-0 ต่อด้วยการเปิดบ้านเฉือนชนะ “นักรบชุดขาวแห่งตะวันออกกลาง” ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไป 2-1 จากประตูชัยของ “เจ้าบุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา ดาวรุ่งพุ่งแรงอีกคนของวงการฟุตบอลไทย ทีมชาติไทยลงแข่ง 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 มี 7 คะแนน แต่ลูกได้เสียดีกว่าทีมชาติเวียดนาม ทำให้รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่มในปัจจุบัน
ด้านนักเตะในทีมในนัดนี้จะได้ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกจาก คอนซาโดเล่ ซัปโปโร หายเจ็บกลับมาช่วยทีมหลังจากพลาดไปในครั้งที่แล้ว แต่ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ มิดฟิลด์ไดนาโมของ โออิตะ ทรินิตะ ในเจลีกอีกคนยังไม่หายเจ็บส่วน ส่วน “โก๋อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายฟอร์มแรงของทีมลุ้นแชมป์เจลีกอย่าง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ติดโทษแบนในเกมนี้ แต่ก็ติดทีมชุดนี้มาด้วย สามารถลงเล่นได้ในเกมไปเยือนทีมชาติเวียดนาม โดยมี กรกช วิริยอุดมศิริ กับ ศศลักษณ์ ไหประโคน จากรองแชมป์ไทยลีก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นตัวเลือกให้กุนซือ “นิชิโนะเซนเซย์” อากิระ นิชิโนะ ได้เลือกใช้ในเกมกับ ทีมชาติมาเลเซีย
ในเกมนี้หาก เสือเหลือง เก็บสามคะแนนได้ โอกาสเข้ารอบถือว่ายังเปิดกว้างอยู่ แต่หากเสมอหรือแพ้ ต้องบอกว่าโอกาสเริ่มเลือนรางเต็มที ดังนั้นเกมนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดเกมรุกเข้าใส่ ส่วน ช้างศึก การบุกมาเยือนที่สนามแห่งนี้ไม่เคยง่าย เพราะเราไม่เคยบุกมาชนะได้เลย ดังนั้นการเล่นอย่างระมัดระวังอาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หลังจาก อากิระ นิชิโนะ เข้ามาคุมทีม รูปแบบการเล่นของทีมชาติไทยดูดีขึ้นชัดเจนในทุกๆนัดที่ลงเล่น รูปเกมดีกว่าคู่ต่อสู้ทุกนัด รวมถึงกองกลางที่ใช้การจับคู่ระหว่าง “เจ้าตัง” สารัช อยู่เย็น จากรั้ว “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่กลับมายึดตำแหน่งตัวจริงทีมชาติไทยหลังจากบาดเจ็บหนัก กับ “เจ้าเต้” พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล จากสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมแชมป์ไทยลีกฤดูกาลล่าสุด ถือว่าทำได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งรุกและรับ ทำให้น่าจะมีการถอย “เจ้าตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ลงไปเป็นปราการหลังตัวกลางเหมือนกับในเกมเจอกับ ยูเออี จับคู่กับ พรรษา เหมวิบูลย์ หรือ มานูเอล ทอม เบียรห์
และปัญหาเรื่องการจบสกอร์ ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ หลังได้ “เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย กลับมาเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า คอยค้ำให้แนวรุกสุดจี๊ดของทีมชาติไทยปัจจุบันอย่าง “เจ้าเช็ค” สุภโชค สารชาติ, “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, “เจ้าบุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา เล่นได้อย่างง่ายขึ้นแบบชัดเจน ดังเช่นในเกมเจอกับยูเออี โดยทั้ง 4 คนน่าจะได้ลงเล่นร่วมกันเป็น 4 ประสานในแนวรุกที่ดีที่สุดสำหรับทีมชาติไทยในหลายปีหลัง ดังนั้นในเกมนี้เชื่อว่าอย่างน้อย ทีมชาติไทยน่าจะเก็บแต้มออกมาได้ แต่จะได้เพียง 1 หรือ 3 แต้มเลย ต้องขึ้นอยู่กับความเด็ดขาดในการจบสกอร์
ไม่สำคัญว่าในลีกยุโรป ท่านจะเชียร์ใคร ไม่สำคัญว่าในไทยลีก ท่านจะเอาใจช่วยทีมไหน แต่ในนัดนี้ เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงคนที่ไม่ได้ชอบดูฟุตบอล จะคอยเอาใจช่วยทัพช้างศึก ให้กลับมาพร้อมชัยชนะ ดังคำกล่าวที่ว่า “บอลนอกแค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด” อย่าลืมให้กำลังนักเตะทีมชาติไทยกันได้ ในวันพฤหัสบดีที่ 14 นี้ เวลา 19.45 น. ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงเล่น
ทีมชาติมาเลเซีย (4-4-2) : ฟาริซาล มาร์เลียส (GK) – แมทธิว เดวีส์, ชาห์รูล ซาอัด, ไอดิล ซาฟวน อับดุล ราซัค, ลาแวร์ คอร์บิน ออง – เบรนแดน กัน, นอร์ อาซาม อาซิห์, นอร์ชาห์รูล ตาลาฮา, มาฮามาดู ซูมาเรห์ – ซาฟาวี ราชิด, ซยาฟิก อาห์หมัด
ทีมชาติไทย (4-2-3-1) : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (GK) – นิติพงษ์ เสลานนท์, พรรษา เหมวิบูลย์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ศศลักษณ์ ไหประโคน – พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, สารัช อยู่เย็น – เอกนิษฐ์ ปัญญา, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สุภโชค สารชาติ – ธีรศิลป์ แดงดา
ผลที่คาด ทีมชาติมาเลเซีย 0 – 1 ทีมชาติไทย
พบกับบทความ วิเคราะห์บอล – วิเคราะห์ฟุตบอล – วิเคราะห์บอลวันนี้ ได้ก่อนใครได้ที่ 168kick.com