บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โปรแกรมการแข่งขันสัปดาห์ที่ 16 คู่ดึกสุดของค่ำคืนวันจันทร์ เป็นการโคจรมาเจอกันของสองทีมหัวตารางระหว่าง “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ทีมรองจ่าฝูงของตาราง เตรียมเปิดสนามเหย้า กูดิสัน พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับที่ 5 ของตารางในเวลานี้ โดยทั้งสองทีมจะลงสนามวัดฝีเท้ากันในช่วงดึกคืนวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม เวลา 03.00 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้าของวันอังคารที่ 29 ธันวาคม ตามเวลาประเทศไทย ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ
เจ้าถิ่น “ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ภายใต้การนำทัพของ คาร์โล อันเชล็อตติ ทำทีมได้สมกับที่โดนยกให้เป็นหนึ่งในยอดกุนซือในยุคนี้ เมื่อพาทีมไต่ขึ้นไปรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของลีกแดนผู้ดีเอาไว้ได้ในเวลานี้ แม้มีช่วงหนึ่งที่ฟอร์มดรอปลงไปบ้างจากปัญหาแผงหลังรั่ว แต่ อันเช่ ก็กลับไปหาทางอุดรอยรั่วนั้นได้อย่างรวดเร็วด้วยการส่งเซ็นเตอร์แบ็คไปรับบทแบ็คซ้าย-ขวา จำเป็น ทำให้ในระยะหลังพวกเขาก็กลับมาโชว์ฟอร์มสุดแกร่งได้อีกครั้ง โดยไม่แพ้ใครมาติดต่อกัน 5 เกมแล้ว(ในลีก) และเสียไปเพียงแค่ 2 ประตู ด้านผลงานในเกมล่าสุดต้องออกแรงเหนื่อยไม่น้อยกว่าจะปราบทีมบ๊วยของลีกอย่าง “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ลงได้ แต่สุดท้ายก็เก็บ 3 คะแนนเต็มมาได้ด้วยการบุกไปชนะ 1-0 สำหรับความพร้อมล่าสุดของเจ้าถิ่นเกมนี้จะขาดผู้เล่นคนสำคัญหลายรายทั้ง อัลลัน, ฟาเบียน เดลฟ์, ลูก้าส์ ดีญ, ฌอง-ฟิลลิปส์ ฌีบาแม็ง, ฮาเมส โรดริเกซ และ ริชาร์ลิสัน โดยทั้งหมดที่กล่าวมาต่างมีปัญหาอาการบาดเจ็บคอยรบกวนอยู่ทั้งสิ้น
ทางด้านผู้มาเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทัพของอีกยอดโค๊ชแห่งยุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ช่วงแรกของฤดูกาลนี้ทีมมีปัญหาฟอร์มดรอปลงไปพอสมควร เมื่อทีมหันไปแก้ปัญหาขันน็อตแนวรับให้แน่นขึ้นมาได้ แต่พลังเกมรุกอันดุดันที่เป็นจุดเด่นของทีมกลับดรอปลงไปอย่างเห็นได้ชัด จากปัญหากองหน้าที่มีกันอยู่แค่สองคนอย่าง กุน และ เฆซุส ดันผลัดกันเจ็บอยู่ตลอด ทำให้ฤดูกาลนี้แทบจะไม่เห็นภาพคุ้นเคยที่ทัพเรือใบยิงคู่แข่งแบบขาดกระจุยไร้ความปราณีเลย อย่างไรก็ตามผลงานของทีมโดยรวมในช่วงหลังก็ถือว่าดีขึ้นมามาก 6 เกมหลังในลีก พวกเขายังไม่แพ้ใครเก็บชัยมาได้ 4 เกม และเสมอ 2 เกม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งจะเปิดบ้านเอาชนะ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล มาได้แบบไม่ยาก 2-0 ทำให้พวกเขาขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งที่ 5 ของตาราง ทางด้านความพร้อมล่าสุดของทีมก่อนลงสนามในเกมนี้ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน กาเบรียล เฆซุส และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่เพิ่งจะโดนตรวจพบว่าติดเชื้อโคโรน่าไวรัส รวมไปถึง เอริค การ์เซีย ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ก่อนหน้านี้หลายเกมแล้ว ส่วนแข้งที่เหลือยังฟิตพร้อมลงสนามช่วยทีมได้ทั้งหมด โดยเกมนี้อาจจะได้เห็น เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวยิงตัวเก่งของทีมกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีมได้อีกครั้ง
วิเคราะห์ก่อนเกม เมื่อย้อนกลับไป 6 เกมหลังสุดที่คู่นี้ลงดวลแข้งกันเป็นฝั่งสีฟ้าที่ทำได้ดีกว่าแบบชัดเจน เมื่อพวกเขาสามารถคว้าชัยได้เหนือทีมสีน้ำเงินถึง 5 เกม และเสมอกันอีก 1 เกม อย่างไรก็ตามในซีซั่นนี้ เอฟเวอร์ตัน ได้ยกระดับทีมตัวเองขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยมีเกมรับที่แกร่งขึ้น และแท็คติกสุดเขี้ยวของตัวกุนซือ ด้านทีม ซิตี้ เห็นได้ชัดว่าทีมเล่นเกมรับกันได้แกร่งขึ้น แม้อันดับบนตารางคะแนนหล่นไปอยู่ที่ไม่คุ้นเท่าไหร่นักแต่พวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูน้อยสุดในลีกเวลานี้ หากทีมกลับมาเล่นเกมรุกได้ทรงพลังเช่นเดิม เชื่อว่าเวลานั้นจะหาทีมที่หยุดพวกเขาได้ยาก ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นรัดกุมกันมากขึ้นของทั้งสองทีมในช่วงหลัง มองว่ารูปเกมนัดนี้จะค่อนข้างอึดอัด ฝ่ายทีมเยือนจะยังได้ครองบอลบุกเข้าใส่ตามสไตล์ แต่อาจจะไม่ได้เร่งจังหวะ หาช่องไปเรื่อยๆ เพราะฝั่งเจ้าบ้านก็ยังมีทีเด็ดจากลูกสวนกลับ รวมไปถึงทั้งสองทีมก็ต้องเจอกับโปรแกรมหนักทั้งบอลถ้วยและบอลลีกมาติดต่อกันหลายเกม ทำให้สภาพความฟิตอาจจะยังไม่เต็มร้อยกันอีกด้วย ทำให้คู่นี้มีโอกาสออกมาด้วยสกอร์ที่เบียดกันสูงมาก แต่ส่วนตัวยังชอบฝั่งผู้มาเยือนมากกว่าด้วยความพร้อมของทีมที่ดูจะมีผู้เล่นตัวหลักครบครันกว่าทางฝั่งเจ้าบ้านที่นักเตะตัวหลักบาดเจ็บหลายราย รวมไปถึงทรงบอลช่วงหลังที่เริ่มกลับมาเข้าขารู้ใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ เกมนี้จึงขอชี้ตัวผู้ชนะไปที่ทีมเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1) : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK) – เมสัน โฮลเกต, ไมเคิ่ล คีน, เยอร์รี่ มิน่า, เบน ก็อดฟรี่ย์ – อับดูลาย ดูกูเร่, ทอม เดวี่ส์ – อเล็กซ์ อิโวบี้, กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน, แอนโธนี่ กอร์ดอน – โดมินิค คาลเวิร์ต–เลวิน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์สัน (GK) – ชูเอา คานเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, นาธาน อาเก้ – อิลคาย กุนโดกัน, โรดรี้ – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – เฟร์ราน ตอร์เรส
ผลสกอร์ที่คาด : เอฟเวอร์ตัน 0 – 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้