12 สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรปประกาศความร่วมมือกันจัดตั้งรายการใหม่ในชื่อ เดอะ ซูเปอร์ลีก อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีโปรแกรมกลางสัปดาห์ชนกับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 รายการของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) พร้อมความหวังเริ่มรายการแข่งขันให้เร็วที่สุด
12 สโมสรที่ประกาศจัดตั้งรายการนี้ประกอบด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโก มาดริด
ซูเปอร์ลีก รูปแบบการแข่งขันจะตรงกับฤดูกาลปกติของลีกยุโรป และมี 20 สโมสรเข้าร่วมการแข่งขัน ประกอบด้วยสโมสรผู้ก่อตั้ง 15 ทีม (อีก 3 สโมสรยังไม่มีการเปิด) และอีก 5 ทีมได้สิทธิ์เข้าแข่งขันยึดตามผลงานในลีก
โดยเริ่มจากการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ทีม แข่งแบบเหย้า-เยือน ก่อนคัด 8 ทีมเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ประกอบไปด้วยทีม 3 อันดับแรกของทั้ง 2 กลุ่มจะเข้ารอบน็อคเอาต์อัตโนมัติ อีก 2 เป็นการเพลย์ออฟแบบเหย้า-เยือนของทีมอันดับ 4 และอันดับ 5 รอบก่อนรองชนะเลิศ และรอบรองชนะเลิศจะเล่นแบบเหย้า-เยือน ส่วนนัดชิงชนะเลิศจะตัดสินแชมป์กันนัดเดียวในสนามเป็นกลาง
สำหรับ ซูเปอร์ลีก คาว่าจะทำรายได้รวมสูงเกิน 10,000 ล้านยูโร และหลังจากนี้ 15 สโมสรผู้ก่อตั้งจะได้เงินทีมละ 3.5 พันล้านยูโร เพื่อนำไปสนับสนุนแผนการลงทุนของสโมสร และรับมือผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยมี ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ได้รับเลือกให้เป็นประธานคนแรกของ ซูเปอร์ลีก และมีรองประธาน 2 คนคือ อันเดรีย อันเญลลี่ ประธานสโมสร ยูเวนตุส กับ โจเอล เกลเซอร์ ประธานบอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมแนวคิด “สโมสรที่ดีที่สุด นักเตะที่ดีที่สุด ในทุกๆสัปดาห์”