แกรี่ เนวิลล์ อดีตแบ็คขวาระดับตำนานของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้องเจ้าของสโมสรปีศาจแดง ตระกูลเกลเซอร์ ด้วยการตั้งประเด็นกลับใส่แฟนบอลว่า “อะไรคือทางเลือกของสโมสรในตอนนี้?” หลังทีม ปีศาจแดง ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกได้อีกเลย เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาทีมไปตั้งแต่ปี 2013 โดยทาง ตระกูลเกลเซอร์ นั้นเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรตั้งแต่ปี 2005 และถือสิทธิ์อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีกระแสต่อต้านจากแฟนบอล เร้ด เดวิลส์ มากมายในเรื่องการบริหารทีมที่ผิดพลาดของเจ้าของสโมสร รวมไปถึง เอ็ด วู้ดเวิร์ด ที่นั่งแท่นประธานฝ่ายบริหาร และผู้อำนวยการของทีม
เนวิลล์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ เดอะไทม์ส สื่อชื่อดังว่า ” ผมรู้จัก และเคยเจอกับตระกูลเกลเซอร์ห้าครั้งได้…แต่สิ่งที่ผมจะพูดก็คือ พวกเขาจะไม่ทำอะไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เชื่อผมสิ!!! พวกเขาจะขายสโมสรเมื่อเขาต้องการจะขายแค่นั้น ต่อให้พวกเขาต้องเจอกับกระแสต่อต้านทุกแห่งหนแค่ไหนก็จะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว…ถ้าวันพรุ่งนี้ผมออกมาพูดว่า การมีตระกูลเกลเซอร์เป็นเจ้าของสโมสรนั้นช่างเป็นเรื่องที่แย่เสียจริง พวกเขาก็คงแค่ยักไหล่แล้วพูดว่า เนี่ยไงโผล่มาอีกรายแล้ว”
เนวิลล์คนพี่ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า “พวกเขาไม่ใช่เจ้าของที่ดีที่สุดในวงการฟุตบอล แต่สถานการณ์ของทีมก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่เหล่าแฟนบอลกล่าวถึงหรอก…ตอนผมเป็นเด็กอายุ 4-5 ขวบ แล้วเดินลงไปในสนาม โดยที่ไม่เคยมองมาที่ห้องของผู้บริหารเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่สน ไม่แคร์ ว่าใครที่อยู่ในนั้น…ตระกูลเกลเซอร์เป็นเจ้าของที่แย่ที่สุดเหรอ? ผมว่าไม่นะ แต่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสโมสรที่ดีที่สุดเช่นกัน…ถ้าคุณมาพูดกับผมว่า แฟนบอลบางรายไม่เชื่อว่า ชีคห์ มันซูร์ (เจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้) จะเป็นเจ้าของทีมที่ดีได้ เพราะปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในเมืองอาบูดาบี ก็ย่อมต้องมีอีกฝ่ายออกมาบอกว่า มันซูร์ เป็นเจ้าของทีมที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้จากการทุ่มเงินมหาศาลของเขาให้กับสโมสรทั้งเรื่องการซื้อตัว หรือสร้างสนามก็ตามแต่…ผมรับรู้ได้ทั้งสองด้านนะ แต่เท่าที่ผมมองเห็นก็คือ ผลงานอันน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นในอีกฝั่งนึงของเมือง”
นอกจากนั้น เนวิลล์ ยังออกมาเตือนอีกว่า “หากตระกูลเกลเซอร์ประสบความสำเร็จในการขาย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วคงมีเรื่องที่ไม่น่ายินดีเป็นผลกระทบตามมาอีกแน่ อะไรจะเกิดขึ้นงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าของมาเป็น ตระกูลรัสเซีย ตระกูลจีน ตระกูลชาวอาเซียน หรือตระกูลจากซาอุดิอาระเบีย ถ้าสโมสรถูกขายไปด้วยเงินก้อนโตหลัก 3 พันล้านปอนด์ ก็แปลว่าคนที่สามารถซื้อได้ต้องมีเงินซัก 15-20 พันล้านปอนด์น่ะแหละ…ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา…ความคิดที่แฟนบอลตะโกนขับไล่ ตระกูลเกลเซอร์ ทุกสิบนาทีที่ทีมลงเตะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ผมรักเจ้าของสโมสรที่เอาเงินเข้าสโมสรทุกเพนนี เพื่อลงทุนให้กับทีม ไม่ใช่เจ้าของที่เอาเงินออกจากสโมสรทีละ 20 ล้านปอนด์ไปใช้หนี้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้…การก่นด่า หรือการตะโกนขับไล่ของแฟนบอลต่อเจ้าของสโมสรหน้าสนาม หรือหน้ารูปปั้น จอร์จ เบสต์, เดนนิส ลอว์ และ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆ ต่อทีมเลยเช่นเดียวกัน…และผมก็มองว่ามันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาอีกด้วย”