ผ่านไปแล้วในตอนแรกของบทความ 8 ดีลตัวแทนนักเตะขวัญใจสุดแย่ ในศึก พรีเเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เป็นการย้อนรอยความผิดพลาด ในประเด็นของการเสริมทัพ หลังจากที่บางสโมสรต้องเสียสตาร์ตัวหลักออกไปจากทีม ด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ที่แตกต่างกัน แล้วจำเป็นต้องไปวิ่งวุ่นหาตัวแทนเข้ามาอุดช่องโหว่ดังกล่าว ซึ่งสถานการณ์ของแต่ละทีม ที่ต้องพบเจอนั้นมีเงื่อนไขบังคับ กว่าจะหาตัวเลือกที่ตรงสเปคได้ ก็ต้องมานั่งลุ้นกันอีกทีว่า นักเตะป้ายแดงรายนั้นๆ จะปรับตัวเข้ากับสมสรใหม่ได้หรือไม่?
แน่นอนว่าไม่มีนักเตะคนไหนจะอยู่ค้ำฟ้า เล่นให้กับสโมสรเดียวกันนานเป็น 40-50 ปี เพราะสังขารคงลากกันไปไม่ไหว การเตรียมแผนหาตัวแทนเอาไว้แต่เนิ่นๆ ควรเป็นหน้าที่ของทีมงานซื้อ-ขาย ที่ต้อวปรึกษาหารือกับสตาฟฟ์โค้ชและผู้จัดการทีม เพื่อไปเฟ้นหาตัวเลือกที่ตรงสเป็คไว้ล่วงหน้า ก่อนจะมีการสอบถามราคากับสโมสรคู่ค้าว่า มีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่ดีลดังกล่าวจะเกิดขึ้น แบบต้องเผื่อเวลาให้ทีมนั้นๆ มีช่องว่างเหลือสำหรับการหาตัวแทนดด้วยเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นหากสองฝ่ายถูกบียด้วยระยะเวลาที่สั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะตกลงกันได้ลงตัว
บทความนี้ พร้อมนำเสนอคอนเทนต์เดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้แฟนๆ รู้สึกขาดตอนจากชุดข้อมูลที่เกริ่นนำกันไปแล้ว ซึ่งจะเหลือเรื่องราวของตัวแทนนักเตะอีก 4 รายด้วยกัน เมื่อมองเผินๆ จากรายชื่อแล้ว เป็นดีลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงต่างยุคสมัยกันไป ประเด็นของการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับแต่ละสโมสร ก็เจอผลกระทบที่ไม่เหมือนกัน บางทีมอาจแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเจอผู้เล่นที่ใช่ แต่บางทีมก็พังพาบไปแบบยาวๆ มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีพ่อค้าแข้งรายใดเข้าข่ายที่กล่าวมาบ้าง?
เปิดหัวกันที่เคสของสโโมสร อาร์เซน่อล ที่เกิดขึ้นในปี 1999 แล้วเป็นทาง อาร์เซน เวนเกอร์ ขงเบ้งแดนน้ำหอม ที่ต้องเจอกับปัญหาหนักอกหนักใจ เมื่อลูกรักหัวแก้วหัวแหวนในแดนหน้าอย่าง นิโกล่าส์ อเนลก้า ที่อุตส่าห์เฝ้าฟูมฟัก จนกลายมาเป็นยอดหัวหอก ได้รางวัลดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งแต่เป็นดาวรุ่ง มีความฝันที่ต้องการจะย้ายออกไปผจญภัยกับ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากศึก ลาลีก้า สเปน ที่พร้อมใช้ระบบทุนนิยม เอาเงินมาฟาดหัวแลกกับลายเซ็นต์ของนักเตะรายนี้
สุดท้ายแล้ว เวนเกอร์ ก็ต้องยอมปล่อยศิษย์รักออกไป แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือเปล่าที่ทาง ราชันชุดขาว ยอมปล่อยตัว ดาวอร์ ซูเคอร์ กองหน้าทีมชาติโครเอเชีย ที่เพิ่งจะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาจากบอลโลกปี 1998 มาเล่นในถิ่น ไฮบิวรี่ ด้วยราคาแสนถูก สุดท้ายแล้วสไตล์ที่แตกต่างก็ไม่อาจทำให้ ซูเคอร์ ทำผลงานได้เข้าตาแฟนบอล จนต้องอำลาทีมไปในที่สุด
ต่อกันที่เคสของ แดเนียล เลวี่ ประธานสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ไม่เคยเจองานง่ายเลย ยามต้องเสียสตาร์ตัวหลักออกไปจากทีม แล้วต้องหาตัวแทนแบบด่วนจี๋ คราวนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2008 ทัพ ไก่เดือยทอง ต้องเสียดาวยิงคนสำคัญอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จอมเทคนิคสายคลาส ที่ยิงได้ระดับ 15 ประตูต่อปีขึ้นไป ออกไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันเดดไลน์ของตลาดดรอบสองเดือนมกราคม แถมราคาค่างวดก็ต่ำกว่าที่ควรจะได้จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียอีก
เพราะทาง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปใช้วิชาสาลิกาลิ้นทอง กล่อมให้ เบอร์บาตอฟ เปลี่ยนเส้นทางมายัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด แทน ด้วยระยะเวลาที่จำกัด สเปอร์ส เลยเลือกที่จะหันไปหากองหน้าทีมชาติรัสเซีย ที่มีจุดเด่นอยู่ที่รูปร่างที่สูงใหญ่และการยิงประตูที่เฉียบคมอย่าง โรมัน พาฟลูเชนโก้ แต่สุดท้ายแล้วดาวยิงรายนี้ก็ปรับตัวเข้ากับความเร็วในลีกอังกฤษไม่ได้
เข้าสู่เคสรองสุดท้ายเป็นกรณีการเจรจากันระหว่างสองคู่อริในปลาย 90 ถึงต้น 2000 อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คราวนี้พยายามทุ่มสุดตัวเพื่อปาดหน้า เรือใบสีฟ้า ในการคว้าตัว อเล็กซิส ซานเชซ แนวรุกทีมชาติชิลี จากสโมสร อาร์เซน่อล มาร่วมทีมให้ได้ ด้วยการยื่นข้อเสนอเป็นเงินจำนวนหนึ่งบวกกับ เฮนริค มคิตาร์ยาน สลับขั้วไปยังถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จากสถานการณ์ที่บีบบังคับ ไอ้ปืนใหญ่ ไม่มีทางทำอะไรได้มากเพราะตัวนักเตะกำลังจะหมดสัญญาในตอนปิดฤดูกาล เลยจำใจต้องยอมรับข้อเสนอดังกล่าวแบบกำขี้ดีกว่ากำตด ในเมื่อนักเตะพร้อมย้ายแบบเต็มที่ เนื่องจาก ปีศาจแดง ประเคนค่าเหนื่อยให้แบบเนื้อๆ เน้นๆ อย่างไรก็ตามบทสรุปของดีลนี้ช่างน่าขัน เมื่อนักเตะทั้งสองคนกลับไม่มีใครประสบความสำเร็จเลย แต่ฝ่ายที่น่าเสียดายมากกว่า คือ อาร์เซน่อล เพราะช่วงแรกที่ ชายเล็ก ย้ายมาใหม่ๆ นี่คือความหวังในแนวรุกที่เสกได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประตูหรือแอสซิสต์
ปิดท้ายกันที่เคสของสโมสร เชลซี ในปี 2017 ที่ต้องเสียผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ที่เคยเป็นแชมป์ลีกกับทีมถึง 2 สมัยอย่าง เนมานย่า มาติช ออกไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะทางเจ้านายเก่า โชเซ่ มูรินโญ่ ลงทุนออกตัวจีบด้วยตัวเอง พร้อมประเคนเงินก้อนโตราว 40 ล้านปอนด์ มาเป็นค่าตัวในการสู่ขอแบบสมน้ำสมเนื้อ ทำให้ สิงโตน้ำเงินคราม ไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องออกล่าตัวแทนเข้ามาอุดช่องว่างดังกล่าว เมื่อมองเห็นว่าพวกเขามี เอ็นโกโล ก็องเต้ อยู่แล้ว
การหาคู่ขาเข้ามาช่วย คงไม่มีใครดีเท่าซี้เก่าที่ไปถึงแชมป์แบบ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ จากสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ที่คอยรับบทบาทตัวประคอง คอยออกบอลสั้น-ยาวให้ แต่พอย้ายมาจริง ดริ้งค์วอเตอร์ แสดงให้เห็นเลยว่า ฝีเท้าของเขานั้นชั้นไม่ถึง เล่นไม่เข้ากับเพื่อนร่วมทีม แถมยังมีปัญหาเรื่องวินัยนอกสนาม มีรายงานว่าถูกจับกรณีเมาแล้วขับ สิงห์บลู เลยต้องปล่อยให้หลายทีมยืมตัวไปใช้งาน ก่อนที่จะไม่มีใครรับเซ้งต่อ ต้องตัดใจปล่อยฟรีออกจากทีม สูญเงินไปเกือบ 40 ล้านยูโร แบบเปล่าๆ ปลี้ๆ