ในปัจจุบันวงการฟุตบอล เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีเงินทุนหมุนเวียนสูงที่สุดเจ้าหนึ่ง เพราะกว่าที่ผู้ถือครองสโมสร จะเก็บกำไรจากเงินที่ตัวเองลงทุนไปได้นั้น จำเป็นต้องมีการควักเนื้อก่อนในช่วงแรก เพื่อโปรโมทให้ทีมของตัวเอง ทำผลงานได้อย่างน่าจับตามอง และ อยู่ในกระแสของสื่อมวลชนอยู่เสมอ หวังขยายฐานแฟนบอลให้มากขึ้น ก่อนจะกอบโกยเงินด้วยการขายสินค้า, โฆษณา หรือ หาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ซึ่งกินกันได้แบบยาวๆ เป็นสิบปี
กลยุทธที่กระพือชื่อเสียงของทีมได้รวดเร็วที่สุด แต่ก็ต้องยอมจ่ายหนัก นั่นก็คือ การเสริมทัพด้วยสตาร์ดังๆ จากทั่วโลก ยิ่งเป็นดีลที่เกิดขึ้นระหว่างสองทีมยักษ์ใหญ่คุยกัน ต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์แบบวินๆ บนพื้นที่สื่อกีฬาทุกฉบับ ชื่อเสียงของนักเตะยิ่งโด่งดังเท่าไหร่ กระแสความนิยมจากแฟนบอลย่อมแรงตามไปเท่านั้น แต่ถ้าเป็นดีลของนักเตะอายุการใช้งานยังเหลือมาก คงไม่มีทีมไหนอยากปล่อยกำลังหลักที่เหลืออายุการใช้งานแบบยาวๆ ออกจากทีมแน่นอน ส่วนใหญ่แล้วจึงมักจะเกิดกับผู้เล่นที่อายุแตะเลขสาม ถึงเวลาที่ทีมต้องทำการถ่ายเลือด นำเข้าขุมกำลังรุ่นๆ เข้ามา แล้วปล่อยตัวที่หมดไฟออกจากทีมไป เพื่อให้นักเตะไปหาความท้าทายใหม่ๆ
บทความนี้ พร้อมย้อนรอย 10 ดีลการย้ายของนักเตะที่อายุ 30 ปีและมากกว่าขึ้นไป ที่มีค่าตัวการย้ายแพงที่สุด มาให้แฟนๆ ได้รับชมกัน โดยจะแบ่งเป็นสองตอน ตอนละ 5 ราย เพื่อการให้ข้อมูลที่เหมาะสมเช่นเคย มาดูไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีดาวเตะคนใดที่ติดโผเข้ามาบ้าง? ราคาค่างวดในการย้ายทีมของพวกเขาเป็นมูลค่ามหาศาลแค่ไหน? ย้ายจากทีมไหนไปอยู่กับทีมใด?
เริ่มต้นกันที่อันดับที่ 10 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ดีกรีของ ยาสเปอร์ ซิเลสเซ่น อดีตนายทวารของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยังคงมีดีพอจะนำไปขายต่อให้กับ บาเลนเซีย ในฤดูกาล 2019/20 แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจอมหนึบรายนี้ จะใช้เวลาไปกับการนั่งเป็นตัวสำรอง รอโอกาสลงสนามในถิ่น คัมป์ นู มากกว่า เนื่องจากมี มาร์ค อังเดร แตร์ สเตเก้น เป็นกำแพงชิ้นโตขวางหน้าอยู่ เทียบฝีมือกันแล้วสู้ไม่ไหว เป็นรองทั้งเรื่องปฏิกิริยา และ การสั่งการแนวรับ โชคยังดีที่ บาเลนเซีย กล้าควักเงินราว 35 ล้านยูโร ดึงตัวเขาในวัย 30 ปีไปเฝ้าเสาในถิ่น เมสตาญ่า แล้วเพิ่งจะปล่อยตัวกลับบ้านเกิดเมื่อไม่นานมานี้
ต่อกันที่อันดับที่ 9 เป็นดีลที่เกิดขึ้นในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ในฤดูกาล 2000/01 ซึ่งทาง ฟิออเรนติน่า กล้ำกลืนฝืนใจขาย กาเบรียล บาติสตูต้า ยอดดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีมไปให้กับ โรม่า ด้วยค่าตัวสูงถึง 36.15 ล้านยูโร เนื่องจากตัวนักเตะต้องการย้ายออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ กับสโมสรที่ใหญ่กว่า โดยทาง บาติโกล์ มองว่า หมาป่าแห่งกรุงโรม มีศักยภาพทีมที่ดีพอ จะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ลีกมักกะโรนี ทำเอาแฟนบอลม่วงมหากาฬเศร้ากันไปเป็นแถบๆ สุดท้ายแล้ว บาติสตูต้า วัย 31 ปี ก็ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ระเบิดฟอร์มยิงกระจายจนทีมเป็นแชมป์ลีก แต่ด้วยการใช้สภาพร่างกายที่หนักเกินไป ทำให้เขาอยู่กับทีมได้ไม่นาน
ถัดมาที่อันดับที่ 8 เป็นดีลกาย้ายทีมของผู้เล่นตำแหน่งกองกลาง ที่เกิดขึ้นในปี 2020 ซึ่งทาง โรม่า เลือกที่จะปล่อยตัว ราดย่า เนียงโกลัน มิดฟิลด์วัย 30 ปี ให้ย้ายไปอยู่กับคู่แข่งร่วมลีกอย่าง อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวราว 38 ล้านยูโร ก่อนหน้านี้ เนียงโกลัน แจ้งเกิดกับสโมสร กายารี่ รับบทบาทเป็นจอมทัพ มีหน้าที่สำคัญทั้งรุกและรับ โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นจน หมาป่าแห่งกรุงโรม ตัดสินใจจ่ายเงินราว 15 ล้านยูโร เพื่อดึงตัวมาคุมเกมในแดนกลางให้กับทีม เมื่อเห็นว่า งูใหญ่ ยอมจ่ายแพงกว่าต้นทุนถึงสองเท่าตัว เลยขายไปแบบไม่ต้องคิดมากเพื่อเอากำไรเข้าสโมสร แล้วกลายเป็นว่า บอร์ดบริหาร ตัดสินใจได้ถูกต้อง เพราะหลังจากย้ายทีมไป เนียงโกลัน ไม่เคยทำผลงานได้ดีเท่าเดิมอีกเลย ปัจจุบันถูกปล่อยตัวให้กลับไปเล่นในลีกเบลเยี่ยมบ้านเกิด แบบที่ไม่เหลือเค้าโครงยอดดนักเตะแล้ว
ต่อเนื่องกันที่อันดับที่ 7 เป็นการย้ายทีมแบบสดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในตลาดซื้อ-ขายรอบนี้ อันเกิดมาจากสโมสรต้นสังกัดอย่าง นาโปลี ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะสัญญาของ คาลิดู คูลิบาลี่ เซนเตอร์แบ็คตัวเก่ง เหลืออีกเพียงแค่ปีเดียว เสี่ยงกับการเสียตัวออกไปจากทีมแบบฟรีๆ เลยต้องยอมตัดใจขายให้กับ เชลซี ที่ยอมจ่ายค่าตัวราว 38 ล้านยูโร แลกกับดาวเตะทีมชาติเซเนกัลวัย 31 ปี ให้เข้ามาเป็นความหวังใหม่ในแนวรับ หลังจากต้องเสีย อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ออกไปจากทีม ฟอร์มของ คูลิบาลี่ ช่วงเปิดตัวดูแล้วมีแววคุ้มค่าเลยทีเดียว ยิงประตูให้กับทีมใหม่ได้แล้ว และยังคงมาตรฐานการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่นเอาไว้ได้ เหลือเพียงแค่เติมความละเอียดดในการเล่นอีกเล็กน้อย ปรับตัวให้เข้ากับจังหวะเกมที่รวดเร็วมากขึ้นจนคุ้นเคย เชื่อว่าสภาพร่างกายที่ยังดดูฟิตสมบูรณ์ดี คูลิบาลี่ น่าจะเป็นแกนหลักให้กับทีมได้อย่างน้อยอีกสองปี
ปิดท้ายกันที่ดีลที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2017/18 เป็นการดีลกันของสองทีมยักษ์ใหญ่ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คราวนี้เป็นคิวของ ยูเวนตุส ที่ยอมขาย เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ดดาวเตะวัย 30 ปี ไปให้กับ เอซี มิลาน ด้วยค่าตัวราว 42 ล้านยูโร หลังจากตัวนักเตะดันไปมีปัญหากับเทรนเนอร์ของทีมอย่าง มักซิมิลิอาโน่ อัลเลกรี เพราะมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน มีปากมีเสียงกันจนเกินขอบเขต ทำให้ต้นสังกัดต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วเป็นทาง โบจัง ที่ต้องย้ายออกไป อย่างไรก็ตาม ปีศาจแดงดำ ที่ยอมมอบทุกอย่างให้ ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งกัปตันทีม ค่าเหนื่อยที่แสนงาม และ เบอร์เสื้อที่ต้องการ กลับรั้ง โบนุชชี่ อยู่กับทีมได้แค่ปีเดียวเท่านั้น สุดท้ายแล้วตัวนักเตะเลือกกลับไปจูบปากกับ ม้าลาย ต้นสังกัดเก่าในปีต่อมา ซึ่งนับมาจนถึงปัจจุบัน โบนุชชี่ ก็ยังอยู่เป็นแกนหลักในแนวรับ