Home บทความฟุตบอล สรุปผลงาน ฟุตบอลโลก 2022 Part.1

สรุปผลงาน ฟุตบอลโลก 2022 Part.1

สรุปผลงาน ฟุตบอลโลก 2022 Part.1

เริ่มจาก กาตาร์ เจ้าภาพของรายการ ตกรอบแรกเป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ ต่อจาก แอฟริกาใต้ ในปี 2010 แต่พวกเขาอาการหนักกว่าเยอะ หลังเก็บไม่ได้ซักคะแนน โดยแพ้รวดทั้ง 3 นัด เริ่มจากการพ่าย เอกวาดอร์ ในเกมนัดเปิดสนามแบบหมดท่า 0-3 ต่อด้วยการแพ้ต่อ เซเนกัล 1-3 ก่อนที่จะปิดฉากด้วยการโดน เนเธอร์แลนด์ ปิดจ๊อบ 2-0 ยิงได้ 1 ประตู เสียไปถึง 7 ลูก

บราซิล เต็งหนึ่งของรายการ มาครั้งนี้ตัวผู้เล่นค่อนข้างพร้อม ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บก่อนแข่ง แถมตัวจริงตัวสำรอง เต็มไปด้วยผู้เล่นชื่อดัง แถมประเดิมนัดแรกด้วยฟอร์มอันดุดัน เอาชนะ เซอร์เบีย 2-0 แบบที่ว่าไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้ส่องตรงกรอบเลยซักครั้ง ก่อนที่เกมต่อมาจะเบียดเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0 จากประตูชัยในช่วงท้ายเกมของ คาเซมิโร่ ก่อนที่พวกเขาจะส่งสำรองลงในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะแพ้ให้กับ แคเมอรูน 0-1 แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาเปิดฉากด้วยการถล่ม เกาหลีใต้ แบบม้วนเดียวจบ 4-1 อย่างไรก็ตามในรอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาพ่ายต่อ โครเอเชีย ในการดวลจุดโทษ 2-4 หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ 1-1

เบลเยี่ยม ผู้มาพร้อมกับความคาดหวังอันสูงลิ่ว หลังจากนักเตะยุค Golden generation ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ ได้เลย ซึ่งครั้งนี้หลายคนก็มองว่า อาจจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของหลายๆ คน ซึ่งก็เปิดหัวด้วยการเอาชนะ แคนาดา 1-0 แต่หลังจาก เควิน เดอ บรอยน์ ไปสัมภาษณ์ว่าพวกเขาแก่เกินไปที่จะคว้าแชมป์โลก ก็เหมือนเกิดรอยร้าวเล็กๆ จนทำให้เกมต่อมา พวกเขาพ่ายต่อ โมร็อกโก 0-2 แถมนัดสุดท้ายที่เป็นเกมนัดตัดสิน ทำได้เพียงเสมอกับ โครเอเชีย 0-0 ทำให้ทาง ปีศาจแดงแห่งยุโรป จอดป้ายเพียงรอบแบ่งกลุ่ม

ฝรั่งเศส แชมป์เก่าของรายการนี้ ก่อนการแข่งขันต้องพบกับข่าวร้าย หลังนักเตะตัวสำคัญได้รับบาดเจ็บหลายต่อหลายคน แต่พวกเขาก็เริ่มต้นได้ดีด้วยการเอาชนะ ออสเตรเลีย 4-1 แต่ก็ต้องสังเวย ลูคัส เอร์นานเดซ ที่เจ็บยาวจนต้องพักร่วมปี ส่วนเกมที่สองได้ประธานเป้ เหมาสองประตูพาทีมเอาชนะ เดนมาร์ก 2-1 ก่อนที่นัดสุดท้ายจะผลัดเอาสำรองลง แล้วพลาดแพ้ต่อ ตูนิเซีย 0-1 ส่วนในรอบน็อคเอ้าท์ เริ่มจากการเอาชนะ โปแลนด์ 3-1 ต่อด้วยการเฉือนเอาชนะ อังกฤษ 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ส่วนในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาเอาชนะ โมร็อกโก ที่โทรมเต็มทีไปแบบไม่ยากนัก 2-0 อย่างไรก็ตามในรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ พวกเขาแพ้ต่อ อาร์เจนติน่า ในการดวลจุดโทษ 2-4 หลังเสมอกันในเวลา 3-3 ซึ่งใครได้ดูก็ต้องบอกเลยว่า 5 ดาวจริงๆ

อาร์เจนติน่า เลยกลายเป็นแชมป์ของรายการนี้ แม้ในนัดเปิดสนามพวกเขาจะแพ้ช็อคต่อ ซาอุดิอาระเบีย 1-2 จนกุนซือของพวกเขา ต้องปรับหมากกันยกใหญ่ แต่ดันได้ผล เพราะหลังจากนั้น พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ตั้งแต่การปราบ เม็กซิโก 2-0 ต่อด้วย โปแลนด์ 2-0 ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม C ก่อนจะปราบ ออสเตรเลีย รองแชมป์กลุ่ม D ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แบบมีเสียวเล็กน้อย 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาต้องดวลเป้าตัดสินกับ เนเธอร์แลนด์ แต่พวกเขาก็ทำได้ดีกว่า เอาชนะไป 4-3 หลังจากเสมอกันในเวลา 2-2 ส่วนรอบรองชนะเลิศเป็นการปราบ โครเอเชีย รองแชมป์เก่า 3-0 ก่อนที่ในรอบชิงชนะเลิศ จะเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง ฝรั่งเศส ด้วยการดวลจุดโทษ

อังกฤษ ไม่สามารถพาฟุตบอลกลับบ้านได้เสียที หลังจากทีจอดป้ายเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น แม้พวกเขาจะออกสตาร์ทได้อย่างงดงาม ด้วยการเอาชนะ อิหร่าน 6-2 แต่เกมนัดต่อมาทำได้เพียงเสมอกับ สหรัฐอเมริกา 0-0 แต่นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม สามารถเอาชนะคนคุ้นเคยอย่าง เวลส์ ไปได้ 3-0 ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม B ซึ่งในรอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาโชว์ฟอร์มเทพเอาชนะ เซเนกัล แบบงดงาม 3-0 อย่างไรก็ดี พวกเขาไม่สามารถผ่านแชมป์เก่าอย่าง ฝรั่งเศส ไปได้ หลัง แฮร์รี่ เคน ยิงจุดโทษลูกที่สองไม่เข้า ทำให้พวกเขาแพ้ไป 1-2

สเปน ก็ถือว่าเป็นอีกทีมที่ทำผลงานได้น่าผิดหวัง แม้ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาจะเปิดหัวด้วยการถล่ม คอสตาริกา แบบไม่มีเพลามือ 7-0 แต่เกมนัดต่อมาพวกเขาทำได้เพียงเสมอกับ เยอรมัน 1-1 เพราะดันมาโดน อินทรีเหล็ก ตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม ก่อนที่เกมนัดสุดท้ายจะพ่ายต่อ ญี่ปุ่น แบบดราม่า 1-2 เพราะหนึ่งในประตูที่พวกเขาเสีย เกิดขึ้นจากจังหวะบอลเกือบจะออกหลังไปแล้ว ก่อนที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาจะพ่าย โมร็อกโก ด้วยการดวลจุดโทษ แบบที่ยิงไม่เข้าเลยซักลูก 0-3 หลังเสมอกันในเวลาแบบไม่มีสกอร์

โปรตุเกส ที่ปีนี้ผู้เล่นของพวกเขาค่อนข้างพร้อมมากๆ แต่เริ่มการแข่งขันด้วยฟอร์มตะกุกตะกักเล็กน้อย หลังเบียดเอาชนะ กาน่า 3-2 แบบเกือบเอาตัวไม่รอด ก่อนที่เกมนัดที่สองจะปิดจ็อบด้วยการเอาชนะ อุรุกวัย 2-0 เกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เลยมีการพักตัวหลัก ทำให้พ่ายต่อ เกาหลีใต้ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 1-2 และแม้จะเริ่มต้นรอบน็อคเอ้าท์ได้ดี หลังเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ แบบขาดลอยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 6-1 แต่เกมนัดต่อมา พวกเขาพ่ายต่อ โมร็อกโก แม้พวกเขาจะครองเกมบุกตลอดทั้งเกม 0-1 กลับบ้านแบบมือเปล่า

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้