ย้อนรอย 6 การซื้อตัวสุดแสบ!!! สร้างชื่อ”สิงห์นักปาด”

การ ซื้อขาย ผู้เล่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในธุรกิจโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน…เมื่อจบการแข่งขันในแต่ละฤดูกาลทีมต่างๆ ก็ย่อมจะมองเห็น ข้อดีข้อเสีย ของทีมในแต่ละตำแหน่งว่าควรเสริมเติมแต่งในจุดไหนที่จะพาทีมไปสู่เป้าหมายที่หวังไว้ได้…อย่างไรก็ตามการเจรจาตกลงซื้อตัวนักเตะย่อมกินเวลาอย่างมากในการตกลงรายละเอียด และ นักเตะที่ผลงานโดดเด่นย่อมเป็นเป้าหมายของหลายทีม ช่วงเวลาในการเจรจาย่อมอาจมีการแทรกแซงจากทีมคู่แข่งได้ โดยบทความนี้ทีมงาน 168Kick จะยกเอา 6 การเซ็นสัญญาสุดแสบสันต์ของ เชลซี ที่ชิงตัวมาจากสโมสรคู่แข่งอย่างเจ็บใจ…


เปโดร เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วย บาร์เซโลน่า เถลิงแชมป์ไปหลายรายการ

เหยื่อรายแรก : เปโดร ย้ายจาก บาร์เซโลน่า ปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระดับความแสบ จิ๊บๆ : เปโดร เป็นกำลังสำคัญของ บาร์เซโลน่า ฤดูกาล 2014/2015 ที่พาทีมคว้า เทรบเบิล แชมป์ ได้สำเร็จ ประกอบไปด้วยแชมป์ ลาลีกา สเปน, โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รวมไปถึงแชมป์สุดท้ายอย่าง ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ที่เขาเป็นคนยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาช่วยทีมชนะไปด้วยสกอร์ 5-4

เปโดร กับแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2015 ซึ่งเป็นรายการสั่งลาของเขากับสโมสร และ เขาก็เป็นคนยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาให้กับ เจ้าบุญทุ่ม

อย่างไรก็ตาม เปโดร นั้นต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอนในถิ่น คัมป์ นู เนื่องจากต้องเป็นตัวเลือกรองของยอดสามประสานอย่าง เมสซี่, ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ซึ่งเป็นทาง หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แสดงความต้องการชัดเจนในการคว้าเขาไปร่วมทีมอย่างจริงจัง เพื่อมาแทนที่ของ อังเคล ดิ มาเรีย ที่ถูกขายไปให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ขนาดที่สโมสรส่งตัว เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานของทีมบินไปเจรจาดีลนี้ถึงประเทศสเปนที่การเจรจายืดเยื้อกินเวลากว่า 2 วัน…แต่ท้ายที่สุดแล้วกลายเป็น เชลซี ที่เปิด ปฏิบัติการล่าตัวเปโดร ด้วยฝีมือของ มาริน่า กรานอฟสกาย่า ผู้อำนวยการของทีม โดยมี โชเซ่ มูรินโญ่ และ เชสก์ ฟาเบรกาส จัดการติดต่อตรงหา เปโดร พร้อมกับให้ ดานิเอลล่า ซีมาน แฟนสาวของ เชสก์ ไปกล่อม แคโรลิน่า มาร์ติน แฟนสาวของดาวเตะชาวสเปนอีกทางหนึ่ง และแล้วบทสรุปคือ เปโดร ย้ายไปร่วมทีม สิงโตน้ำเงินคราม ด้วยค่าตัวราว 21.4 ล้านปอนด์ (ตามเงื่อนไขเพิ่มเติม) ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2015

ผลงานของ เปโดร ภายใต้สีเสื้อของ เชลซี

ฆวน มาต้า สมัยที่เริ่มโด่งดังเมื่อลงเล่นให้กับ บาเลนเซีย

เหยื่อรายที่สอง : ฆวน มาต้า ย้ายจาก บาเลนเซีย ปาดหน้า อาร์เซน่อล ระดับความแสบ เริ่มคันๆ : เหยื่อที่ เชลซี ทำแสบคราวนี้คือ อาร์เซน่อล คู่ปรับร่วมเมือง…ในปี 2011 ปืนใหญ่ ต้องการหาเพลย์เมคเกอร์มาแทนที่ของ เชสก์ ฟาเบรกาส และ ซามีร์ นาสรี่ ที่ลาทีมไป โดยเป้าหมายในการเสริมทัพของ อาร์เซน เวนเกอร์ คือ ฆวน มาต้า ดาวเตะวัย 23 ปีจาก บาเลนเซีย ที่เล่นได้ทั้งตัวริมเส้น และ ตรงกลางหลังกองหน้า ซึ่งข้อเสนอแรกราว 13 ล้านปอนด์ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี

ดิค ลอว์ อดีตผู้บริหารของ อาร์เซน่อล ที่ออกมาเผยเหตุผลเบื้องหลังที่ อาร์เซน่อล พลาดการได้ตัว มาต้า

สามสัปดาห์ต่อมา อาร์เซน่อล จึงทุ่มทุนเสนอเงินก้อนโตราว 18 ล้านปอนด์ที่มากกว่าสถิติสโมสรที่ซื้อ อังเดร อาชาวิน มาก่อนหน้านี้ แถมส่งตัว ดิค ลอว์ หนึ่งในผู้บริหารในตอนนั้นไปคุยกับพ่อของ มาต้า และ สามารถตกลงสัญญาส่วนตัวกับเพลย์เมคเกอร์ชาวสเปนได้แล้ว ซึ่งตัวนักเตะเองก็ยินดีที่จะย้ายมาเล่นกับ ปืนใหญ่…อย่างไรก็ตาม เชลซี ตัดสินใจยื่นข้อเสนอเกทับไปที่ราว 23.5 ล้านปอนด์ให้กับ บาเลนเซีย พิจารณา ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า ไอ้ค้างคาว ตัดสินใจปัดข้อเสนอของ อาร์เซน่อล ทิ้งทันที และ เลือกขาย มาต้า ให้กับ สิงโตน้ำเงินคราม…โดยภายหลัง ลอว์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า อาร์เซน่อล ไม่มีเงินมากพอที่จะสู้ราคานักเตะกับ เชลซี…แล้วเราก็ได้เห็นกันชัดเจนว่าเม็ดเงินที่ โรมัน อบราโมวิช ยอมจ่ายในตอนนั้นคุ้มค่าเพียงใด (จะว่าไงได้ทีมเค้ารวย) แถมขายต่อให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่กำไรอย่างงาม 37.5 ล้านปอนด์

รวมประตูสวยๆ ของ มาต้า ในสีเสื้อของ เชลซี

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าจับตามองในฐานะนักเตะดาวรุ่งในสีเสื่อของ เอฟซี บาเซิ่ล

เหยื่อรายที่สาม : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ย้ายจาก เอฟซี บาเซิ่ล ปาดหน้า ลิเวอร์พูล ระดับความแสบ เริ่มหมั่นไส้ในความรวย : ในตอนนั้น ซาลาห์ ยังเป็นนักเตะดาวรุ่งที่เริ่มฉายแสงด้วยความเร็วที่น่าจับตามองของ เอฟซี บาเซิล ในลีกสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการทำไป 10 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2012/2013 แล้วเป็นทางด้าน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ที่เป็นรายแรกที่ติดต่อขอซื้อตัว ซาลาห์ มายังถิ่น แอนฟิลด์

โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนเริ่มแผนคว้าตัว ซาลาห์ มายังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล เสียเวลาเจรจากับ เอฟซี บาเซิล อยู่ถึงสองเดือนครึ่ง และ ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ โดยที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม เชลซี ในขณะนั้น กำลังหาตัวแทนของ ฆวน มาต้า ที่เตรียมย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการจัดการอย่างรวดเร็ว สิงโตน้ำเงินคราม คว้าตัว ซาลาห์ มายังถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเดือนมกราคมปี 2014 ที่ราคา 11 ล้านปอนด์ ซึ่งภายหลัง ซาซชา เอมปาเชอร์ เอเย่นต์ส่วนตัวของ ซาลาห์ เปิดเผยว่า ลิเวอร์พูล ไม่สามารถตกลงค่าตัวของ ซาลาห์ กับทาง เอฟซี บาเซิล ได้ด้วยข้อเสนอราว 10 ล้านปอนด์ ซึ่งเมื่อทาง เชลซี ยื่นข้อเสนอเข้ามา ซาลาห์ ก็ไม่ลังเลที่จะตอบรับทันที แต่ไม่มีเหตุผลเรื่องเงินค่าจ้างเข้ามาเกี่ยวแต่อย่างใด…เป็นที่รู้กันดีว่า ซาลาห์ ไม่ประสบความสำเร็จในการย้ายครั้งนั้น แต่กลับมาโชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างให้กับ หงส์แดง อยู่ในขณะนี้

ฟอร์มของ ซาลาห์ ภายใต้สีเสื้อของ เชลซี

ร็อบเบน สมัยยังเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองภายใต้สีเสื้อ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น

เหยื่อรายที่สี่ : อาร์เยน ร็อบเบน ย้ายจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระดับความแสบ แสบถึงทรวง : นี่คือหนึ่งในดีลที่สร้างความเจ็บปวดให้กับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากที่สุด…ร็อบเบน เป็นปีกดาวรุ่งที่สร้างชื่อขึ้นมาจนถูกจับตามองจากหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป หลังเขาพาต้นสังกัด พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น คว้าแชมป์ เอเรดิวิซี่ ลีก ฮอลแลนด์ ในฤดูกาล 2002/2003 พร้อมรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแค่ฤดูกาลแรกเท่านั้น…ในปี 2004 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่รอช้าที่จะส่งเทียบเชิญให้ ร็อบเบน เดินทางมาพบตัวเขาที่ประเทศอังกฤษ

แฮร์รี่ ฟาน ไรจ์ ประธานสโมสร พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ที่ปฏิเสธการย้ายทีมของ ร็อบเบน ไปยัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ระหว่างนั้น เฟอร์กี้ พยายามกล่อม ร็อบเบน ด้วยการพาชมสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในสโมสรเพื่อจูงใจให้ดาวเตะรายนี้ย้ายมาร่วมทีม ซึ่งเชื่อกันว่า ร็อบเบน ได้ให้คำมั่นว่าจะกลายร่างเป็น “ปีศาจแดงตัวใหม่” ในตอนนั้น บวกกับการให้สัมภาษณ์จากพ่อของเขาว่า “โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นที่เดียวที่ ร็อบเบน อยากลงเล่น และ ถ้าเขาไม่ได้เล่นที่นั่นก็คงตัดสินใจอยู่กับ พีเอสวี ต่อไป…ด้วยความสัตย์จริงเขายอมเล่นให้กับทีมสำรองของ ยูไนเต็ด มากกว่าที่จะย้ายไป เชลซี…ลูกของผมไม่ย้ายไป เชลซี ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ


พ่อของ ร็อบเบน เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ลูกของเขาจะไม่ย้ายไป เรอัล มาดริด เพราะไม่ชอบ และอยากย้ายไป บาร์เซโลน่า มากกว่า”

อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอให้กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เป็นค่าตัวของ ร็อบเบน แค่ 7 ล้านปอนด์เท่านั้น…ต่างกับ เชลซี ที่มาทีหลังแต่ยื่นเงินก้อนโตให้ถึง 12.1 ล้านปอนด์ แล้วเป็นที่รู้กันดีว่าปลายทางของ ร็อบเบน คือถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยภายหลัง แฮร์รี่ ฟาน ไรจ์ ประธานสโมสรของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ณ ตอนนั้น ให้สัมภาษณ์ว่า “ข้อเสนอที่ ปีศาจแดง ยื่นเข้ามาเป็นเงิน 7 ล้านปอนด์นั้น คงพอซื้อแค่เสื้อพร้อมลายเซ็นต์ของ ร็อบเบน แค่นั้นแหละ” และ ปัจจุบันพ่อของ ร็อบเบน ยังคงมีชีวิตอยู่ดี…

รวมผลงานของ ร็อบเบน ในสีเสื้อของ เชลซี

วิลเลี่ยน ภายใต้สีเสื้อของ อันชี่ มาคาชคาล่า ทีมหมาเศรษฐีแห่งลีกรัสเซีย

เหยื่อรายที่ห้า : วิลเลี่ยน ย้ายจาก อันชี่ มาคาชคาล่า ปาดหน้า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ระดับความแสบ มาเฟียชัดๆ : ในปี 2013 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นหนึ่งทีมที่ต้องอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายมากที่สุดทีมหนึ่ง เนื่องจากการปล่อยตัว แกเร็ธ เบล ย้ายไป เรอัล มาดริด แลกกับเงินก้อนโต พร้อมกับการนำเข้า โรเบร์โต้ โซลดาโด้ และ เปาลินโญ่ เข้ามาเสริมความแกร่งของทีม และ ดีลสุดท้ายที่ปวดหัวที่สุด คือ วิลเลี่ยน ที่หวังซื้อตัวปีกชาวบราซิลจาก อันชี่ มาคาชคาล่า มาแทนตำแหน่งของ เบล ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรราว 30 ล้านปอนด์ในตอนนั้น

มูรินโญ่ คงอยากจะเตือนรุ่นน้องอย่าง โบอาส ว่า “ระวังหลังด้วยนะน้อง”

ทุกๆ อย่างดูเหมือนจะราบรื่นเมื่อ วิลเลี่ยน บินมายัง ลอนดอน และ เข้าตรวจร่างกายกับ ไก่เดือยทอง แบบผ่านฉลุยไร้ปัญหา แถมตกลงค่าเหนื่อยก้อนโตได้แล้วที่ 85,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์…จนกระทั้ง โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเจ้าของสโมสร เชลซี เริ่มเดินเกมด้วยการโทรสายตรงหาเพื่อนของเขาที่เป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลในแดนหมีขาวอย่าง ซูเลย์มาน เคริมอฟ เจ้าของทีม อันชี่ มาคาชคาล่า พร้อมเสนอค่าตัวเทียบเท่ากับ ไก่เดือยทอง แต่บวกโบนัสอื่นๆ เพิ่มเติม หลังจากนั้นก็ทำการติดต่อหา วิลเลี่ยน โดยตรงเพื่อเจรจาเรื่องสัญญาส่วนตัว…ท้ายที่สุดแล้วทราบกันดีว่า วิลเลี่ยน กลายเป็นขุนพลกำลังหลักให้กับ เชลซี นับตั้งแต่ตอนนั้น โดยที่ มูรินโญ่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สอน อังเดร วิลลา-โบอาส เทรนเนอร์ของ สเปอร์ส ในตอนนั้นว่า “โบอาส ได้จ่ายค่าชดเชยราคาแพงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาไม่ยอมปิดการตรวจร่างกายของนักเตะเป็นความลับ

ไฮไลท์การเล่นของ วิลเลี่ยน ภายใต้สีเสื้อของ เชลซี

จอห์น โอบิ มิเกล ที่ลงเล่นในสีเสื้อ ลิน ออสโล ไปแค่สิบกว่านัดเท่านั้น

เหยื่อรายที่หก : จอห์น โอบิ มิเกล ย้ายจาก ลิน ออสโล ปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระดับความแสบ จำไม่ลืม : หนึ่งดีลที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกฟุตบอล จอห์น โอบิ มิเกล แทบจะถูกจองตัวตั้งแต่อายุ 15 ปีจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้พยายามกล่อมกองกลางรายนี้ให้ตัดสินใจเลือก ปีศาจแดง ในวัยเยาว์ด้วยเหตุผลว่า “แกจะกล้าปฏิเสธสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไร?…คำตอบควรจะเป็น การตอบตกลง เท่านั้น”ื ซึ่งเมื่อเขาก้าวขึ้นเป็นนักเตะของ ลิน ออสโล ด้วยการเล่นไปเพียงสิบกว่านัด…ก็มีการตกลงกันระหว่าง ปีศาจแดง ที่บรรลุข้อตกลงในการซื้อตัวเขาพร้อมกับจับเขาเซ็นสัญญา…และ เปิดตัวเขาในปี 2005

มิเกล นักเตะที่เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ทับซ้อนกัน

อย่างไรก็ตาม มิเกล เปิดเผยว่า เขาต้องการเล่นให้กับ เชลซี มากกว่าหลังจากได้พบกับ มูรินโญ่ สองครั้ง ซึ่งทาง สิงโตน้ำเงินคราม ดูแลครอบครัวเขาเป็นอย่างดี ไม่เคยทิ้งให้อยู่อย่างว้าเหว่แบบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทดสอบฝีเท้าของเขาตั้งแต่เด็ก แล้วไม่มีการแจ้งผลใดๆ เลย…เชลซี พาตัวเขามาซ่อนไว้ในบ้านที่อังกฤษ พร้อมดูแลอารักขาอย่างดีจนถึงวันเซ็นสัญญาเปิดตัว หลังจากเห็นเขาเปิดตัวกับ ปีศาจแดง ผ่านทางทีวี…โดยดีลปัญหานี้ เซอร์ เดฟ ริชาร์ดส ประธานของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เคยพยายามที่จะช่วยเคลียร์ความบาดหมางที่เกิดขึ้นอีกด้วย…ท้ายที่สุด เชลซี ถูกตัดสินให้จ่ายค่าชดเชยกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สูงถึง 12 ล้านปอนด์ และ จ่ายค่าตัวให้กับ ลิน ออสโล เป็นเงิน 4 ล้านปอนด์ด้วยกัน

ผลงานของ มิเกล ในการเล่นให้กับ เชลซี

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top