10 ยอดนักเตะที่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก

อังกฤษ คือ ลีกฟุตบอลที่นักฟุตบอลทั่วทั้งโลกต่างฝันอยากมาลงเล่นให้ได้ซักครั้งในชีวิต ที่แดนผู้ดีแห่งนี้ต่างรวมสุดยอดนักเตะและสตาฟฟ์โค๊ชจากทั่วทุกมุมโลกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด จนได้รับการยอมรับจากคอบอลทั่วโลกว่าเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก ผู้เล่นระดับโลกต่างเคยมาสร้างชื่อโดยการคว้าแชมป์ไว้ที่นี้มากมาย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมี “วาสนา” เพราะหากมันมีกันทุกคนยอดนักเตะเหล่านี้คงมีเหรียญรางวัลแชมป์อยู่ที่ใดสักแห่งในบ้าน..


10. แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์

เลอ ก็อด” คือฉายาที่เหล่าแฟนบอลตั้งให้กับเขา, ความแข็งแกร่ง และทักษะในการควบคุมบอล ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในพื้นที่ระหว่างมิดฟิลด์ และกองหน้า, ลูกยิงไกลของเขามักจะทำให้กองหลัง และผู้รักษาประตูทีมคู่แข่งมักต้องต้องเจอกับฝันร้าย รวมไปถึงลูกนิ่งที่เป็นอาวุธเก่ง ทั้งฟรีคิก และจุดโทษ ทำให้เขาสังหารไปถึง 209 ประตู จากการลงสนาม 540 เกมให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน

ในช่วงฤดูกาล 1993/94 ขณะที่ทีมต้องดิ้นรนหนีตกชั้น ทีมนักบุญ ได้แต่งตั้ง อลัน บอล เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ สิ่งแรกที่กุนซือคนใหม่ทำก่อนที่จะลงสนามในเกมแรก คือเอามือไปวางไว้บนไหล่ของ แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ พร้อมทั้งบอกลูกทีมทุกคนว่าโอกาสที่ทีมจะอยู่รอดอยู่บนไหล่ของชายคนนี้ และเมื่อทุกคนมีโอกาสให้ส่งบอลไปให้เขาให้มากที่สุด นี้เป็นเรื่องที่ยืนยันถึงความเก่งของเจ้าของฉายา “พระเจ้า

แน่นอนว่าความสุดยอดของเขาไปเข้าตาบรรดาสโมสรใหญ่ๆหลายทีม แต่สุดท้ายแล้ว เขาเลือกที่จะภักดีกับ เซาธ์แฮมป์ตัน เพียงทีมเดียวเท่านั้น


9.จานฟรังโก้ โซล่า

จานฟรังโก้ โซล่า เป็นหนึ่งในนักเตะต่างชาติคนแรกๆที่เลือกย้ายมาเล่นในเวทีพรีเมียร์ลีกขณะที่กำลังเข้าสู่ช่วงพีคของการค้าแข้ง, เขาได้เรียนรู้มาจากนาโปลีชุดที่ดีที่สุด และได้ฝึกซ้อมร่วมกับสุดยอดนักเตะอย่าง ดิเอโก้ มาราดอนน่า ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในปี 1996

โซล่า คว้าถ้วยรางวัลมาได้ 4 รายการตลอด 7 ฤดูกาลที่เล่นอยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่หนึ่งในนั้นไม่มีถ้วยรางวัลขอลลีกสูงสุด, ฤดูกาล 1998/99 เป็นปีที่เขาใกล้เคียงกับการคว้าถ้วยรางวัลมาได้มากที่สุด เชลซี แพ้เพียงแค่ 3 นัดเท่านั้นตลอดทั้งฤดูกาล แต่สุดท้ายเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้ในปีนั้น

กองหน้าชาวอิตาลีเลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับทีมดังกรุงลอนดอน และย้ายไปทำตามความฝันเล่นให้ทีมรักอย่าง กายารี่ ที่ประเทศบ้านเกิด ในช่วงปีสุดท้ายของการค้าแข้งให้กับเชลซี ปี 2003 ในวัย 36 ปี โซล่า ยิงไปถึง 16 ประตูจาก 38 นัดที่ลงสนาม พาต้นสังกัดคว้าอันดับ 4 ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นการทิ้งทวน, เมื่อไปถามสาวกสิงห์บลูส์ว่าใครคือนักเตะที่ดีที่สุดของสโมสร หากได้ยินชื่อ จานฟรังโก้ โซล่า ก็คงไม่ใช้เรื่องแปลก


8.เจมี่ คาร์ราเกอร์

เจมี่ คาร์ราเกอร์ เล่นให้กับสโมสร ลิเวอร์พูล ในช่วงยุคสมัยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ เชลซี ผลัดกันครองความยิ่งใหญ่ในพรีเมียร์ลีก

ฤดูกาลที่เขาใกล้เคียงจะคว้าแชมป์ที่สุดคือปี 2009 ที่ลิเวอร์พูลจบเป็นรองแชมป์ในลีก มีคะแนนห่างจากแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 คะแนน และในปี 2002 ที่จบเป็นรองแชมป์เช่นกัน ซึ่งทีมที่คว้าแชมป์ลีกไปครองในปีนั้นเป็น อาร์เซน่อล

คาร์ราเกอร์ โดนยกย่องให้เป็นหนึ่งในเซนเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดของสโมสรลิเวอร์พูล ตลอดเส้นทางการค้าแข้งของเขาเก็บถ้วยรางวัลมาได้ 7 รายการ หนึ่งในนั้นเป็นการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2005


7.เกล็น ฮอดเดิล

หากคุณจะจัดอันดับนักเตะที่ดีที่สุดของประเทศอังกฤษ เกล็น ฮอดเดิล จะต้องมีชื่อติดอย่างแน่นอน, ในยุค 70s – 80s เขาเป็นผู้เล่นที่เด็กๆทุกคนฝันอยากจะเป็น, เขามีทั้งวิชั่น และทักษะที่ไม่ธรรมดา รวมไปถึงสไตล์การเล่นที่สง่างาม มากไปด้วยพรสวรรค์

เขาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 2 สมัย แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาครองได้ จนกระทั่งในปี 1988 เขาตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ โมนาโก และคว้าแชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส ได้ในปีนั้นทันที


6.จิมมี่ กรีฟส์

จิมมี่ กรีฟส์ ทำให้โลกฟุตบอลรู้จักชื่อเขาก่อนที่จะขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ของ เชลซี เพราะเขาได้ทำสถิติในเกมระดับเยาวชนที่ยังคงยืนยาวมาถึงปัจจุบัน เขายิงไปได้ 100 ประตูในลีก โดยที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี

ในปี 1961 เขามีโอกาสที่จะย้ายไปร่วมทีม เอซี มิลาน แต่การย้ายทีมก็ถูกระงับเอาไว้ก่อน สุดท้ายเขาย้ายไปร่วมทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ด้วยค่าตัว 99,999 ปอนด์ ซึ่งมันทำให้เขาไม่ต้องแบกรับความกดดันเรื่องที่เขาจะกลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวถึงระดับ 100,000 ปอนด์คนแรกของโลก

กรีฟส์ ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายมาเล่นในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยการพาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และจากนั้นในปีถัดมาเขาพาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ, เพียงเวลาไม่กี่เดือนตั้งแต่ย้ายมาเขาพาทีมคว้าได้ถึง 2 แชมป์ แต่ตลอดเวลา 9 ฤดูกาลที่ค้าแข้งให้ทีมไก่เดือยทอง เขาก็ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้แม้แต่ครั้งเดียว

266 ประตูจาก 357 นัด ทำให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ สเปอร์ จนถึงทุกวันนี้, ด้านผลงานทีมชาติ เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษครั้งแรกในปี 1959 แต่เขาไม่มีชื่อไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 1966 การที่ไม่ได้ไปเล่นบอลโลกครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จกับทีมชาติเหมือนกับการเล่นระดับสโมสร แต่อย่างไรก็ตาม 44 ประตูจากการลงสนาม 57 นัดให้กับทีมชาติก็แสดงให้เห็นว่าเขาเก่งแค่ไหน


5.แกรี่ ลินิเกอร์

มีเพียงแค่ เซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน และ เวย์น รูนี่ย์ เท่านั้นที่ทำประตูให้กับทีมชาติอังกฤษมากกว่า แกรี่ ลินิเกอร์ โดยทั้ง ชาร์ลตัน และ รูนี่ย์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอบครองได้ถึง 8 ครั้ง ผิดกับ ลินิเกอร์ ที่ไม่เคยได้สัมผัสการเป็นแชมป์ลักสูงสุดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่แม้แต่กับยอดทีมอย่าง บาร์เซโลน่า

ฤดูกาลที่เขาเข้าใกล้ถ้วยแชมป์มากที่สุดคือปี 1985/86 ที่เล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน, ลินิเกอร์ สังหารไปได้ถึง 30 ประตูให้กับต้นสังกัด แต่สุดท้ายทีมท็อฟฟี่ ต้องจบในตำแหน่งรองแชมป์โดยที่มีคะแนนตามหลัง แชมป์ลีก ลิเวอร์พูล แค่เพียง 2 คะแนนเท่านั้น และวาสนาจะไม่ได้อยู่กับ ลินิเกอร์ เมื่อฤดูกาลต่อมาเขาย้ายออกจากทีม แต่ เอฟเวอร์ตัน กลับสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จ


4.เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์ส

ชายคนนี้คือแฮตทริกฮีโร่ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 1966 พาทีมชาติอังกฤษเอาชนะทีมชาติเยอรมันตะวันตก 4-2 นี่เป็นครั้งเดียวเท่านั้นที่ประเทศอังกฤษคว้าแชมป์โลกมาครองได้, เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์ส มีชื่อเป็นนักเตะระดับตำนานของทีมชาติอังกฤษแบบแทบไม่ต้องสงสัย ส่วนกับการเล่นระดับสโมสร เขาสร้างชื่อด้วยการพา เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เป็นแชมป์เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ

หลังจากค้าแข้งในถิ่น อัพตัน พาร์ค มา 13 ปี, เขาย้ายไปเล่นให้กับ สโต๊ค ซิตี้ ในปี 1972 ช่วยให้ทีมอยู่รอดบนเวทีลีกสูงสุด และได้มากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมตลอดช่วงเวลาที่ค้าแข้งให้กับทีม “ช่างปั้นหม้อ

สำหรับผลงานในทีมชาติ เขายิงไป 24 ประตูจาก 49 นัดที่ลงเล่น และได้รับการติดยศอัศวินในปี 1998


3.พอล แกสคอยน์

เขาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้สองสมัยที่ สกอตแลนด์ กับสโมสร เรนเจอร์ส แต่ในประเทศอังกฤษเขามีเหรียญรางวัลแชมป์แค่เพียงรายการเอฟเอ คัพ เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น ในปี 1991 แต่เกมนัดชิงชนะเลิศกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ก็ไม่ใช้เกมที่น่าจดจำสำหรับเขานัก เพราะเมื่อเริ่มเกมการแข่งขันมาได้ไม่กี่นาที แกสคอยน์ ก็ได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องออกจากสนามไปอย่างรวดเร็ว

แกสคอยน์ ปฎิเสธการเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วเลือกที่จะย้ายไปอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ในปี 1988, ภายหลัง แกสคอยน์ ออกมาเผยความรู้สึกว่าครั้งนั้นเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่พลาดที่สุดในชีวิตของเขา แต่ใครจะไปรู้อนาคตได้ล่ะ ในตอนนั้น ยูไนเต็ด ไร้ถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดมา 21 ปีติดต่อกันแล้ว การเลือกย้ายไปเล่นในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน แทนที่จะเป็น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ไม่มีใครรู้หรอกว่าหากเขาเลือกย้ายไปเล่นให้ทีม ปีศาจแดง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น, แต่เชื่อได้เลยว่า แกสคอยน์ จะได้สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างน้อย 1 สมัยอย่างแน่นอน


2.สตีเว่น เจอร์ราร์ด

ลิเวอร์พูลไร้ถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดมานานกว่าทศวรรษก่อนที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะเดบิวต์ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ให้กับทีมในปี 1998, เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ ดันขึ้นมาแทนที่ของกลุ่มสไปซ์ บอย และประสบความสำเร็จกับทีมในปี 1999.

เจอร์ราร์ด เติบโตขึ้นมาอย่างมากในยุคของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ, เขาทำหน้าที่กัปตันได้อย่างโดดเด่นในเกมที่ลิเวอร์พูล พลิกกลับมาชนะ เอซี มิลาน ทั้งๆที่โดนนำไปก่อน 3-0 ในครึ่งเวลาแรก ในนัดชิงชนะเลิศรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, เขาควรจะมีเหรียญรางวัลแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้วหากไม่ปฎิเสธการเซ็นสัญญากับสโมสร เชลซี ถึง 2 ครั้ง 2 ครา

เขาเข้าใกล้การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ครั้ง ในปี 2009 และ 2014 ที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิตหลังเขาพลาดลื่นทำให้เสียบอลจนโดน เดมบา บา เอาบอลไปยิงประตูขึ้นนำ ส่งผลให้ เชลซี บุกมาเก็บชัยชนะได้ 2-0 ถึงถิ่นแอนฟิลด์, หลังจากนั้น 1 ปี เจอร์ราร์ดเลือกที่จะย้ายไปเล่นให้กับ แอลเอ กาแลกซี่, ตลอดชีวิตการค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ 17 ฤดูกาล เขาสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 7 รายการ แต่ไม่มีแชมป์พรีเมียร์ลีกแม้แต่สมัยเดียว

เจอร์ราร์ด โดนยกย่องให้เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร ลิเวอร์พูล เทียบเท่าได้กับ เคนนี่ ดัลกริช และแกรม ซูเนสส์


1.บ็อบบี้ มัวร์

บ็อบบี้ มัวร์ คือนักเตะอัจฉริยะในด้านการอ่านเกม ในยุคที่ผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กต้องเน้นร่างกายที่แข็งแกร่งเพื่อใช้ในการเข้าปะทะ แต่เขากลับเป็นกองหลังที่ใช้สมองในการอ่านเกม และมีคุณสมบัติของผู้นำอยู่ในตัว, เขาเป็นกัปตันทีมของทีมชาติอังกฤษชุดที่คว้าแชมป์โลกได้ในปี 1966 และรูปปั้นของเขาก็ตั้งเด่นสง่าอยู่หน้าสนามกีฬาเวมบลีย์อย่างน่าภาคภูมิใจ

เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ 108 นัด มันเป็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อเพราะในยุคนั้นยากเหลือเกินที่จะได้ลงเล่นทีมชาติซักครั้ง, แน่นอนว่าเขาโดนยกให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของสโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ด อย่างไม่ต้องสงสัย และเขาประสบความสำเร็จพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ ก่อนที่จะสิ้นสุดอาชีพตัวเองในถิ่นอัพตัน พาร์ค

“เขาคือกองหลังที่ดีที่สุดในโลกตั้งแต่ผมเคยเห็นมา” เปเล่ กล่าว


แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top