ไขกุญแจความสำเร็จฉบับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

แฟนบอล เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลายคนเข้าใจว่า เส้นทางของ เวสต์มอร์แกน กองหลังกัปตันทีมในถิ่นคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม คงจบลงในช่วงซัมเมอร์นี้ อย่างไรก็ตามในวัย 36 ปี เขายังได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่พร้อมสวมปลอกแขนผู้นำทัพ “สุนัขจิ้งจอก” ไปจนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาลหน้า

ขณะเดียวกัน คริสเตียน ฟุคส์ แบ็คซ้ายจอมเก๋าชาวออสเตรีย ก็ได้รับรางวัลด้วยการต่อสัญญาฉบับใหม่จาก เลสเตอร์ ออกไปอีก 1 ปีเช่นกัน หลังจากที่ ดาวเตะวัย 34 ปี ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอหลังย้ายมาจาก ชาลเก้ 04 ในบุนเดสลีกา เยอรมัน เมื่อปี 2015 โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 133 เกม ซัดไป 3 ประตู

เบื้องหลังการตัดสินใจต่อสัญญากับนักเตะมากประสบการณ์อย่าง มอร์แกน กับ ฟุคส์ นั้น มาจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ โดยที่ คริส เดวี่ส์ ผู้ช่วยซึ่งทำงานกับ ร็อดเจอร์ส มาหลายปีระบุว่า กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติต่อนักเตะอาวุโสในสโมสรเป็นอย่างยิ่ง

แกร์รี่ มังค์ อดีตกัปตันทีม สวอนซี ซิตี้ และอดีตลูกทีมของ ร็อดเจอร์ส ยังคงนับถือ และติดต่อกันอยู่เสมอ ขณะที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลังจอมเก๋าของ ลิเวอร์พูล ก็เคยได้รับข้อเสนอให้เป็นหนึ่งในทีมงานสตาฟฟ์โค้ช “หงส์แดง” ในช่วงที่ ร็อดเจอร์ส คุมทีม ส่วน โคโล่ ตูเร่ อดีตลูกทีมอีกรายก็ถูกดึงตัวไปร่วมงานที่ กลาสโกว์ เซลติก และปัจจุบันทั้งคู่ก็มาร่วมงานที่ เลสเตอร์

Photo : leicestermercury.co.uk

ร็อดเจอร์ส อธิบายถึงกรณีของ มอร์แกน ว่า “เมื่อดูผู้เล่นตัวจริงของ เลสเตอร์ เวลานี้ คุณคงคิดว่า เวสต์ หลุดออกจากทีมตัวจริงไปแล้ว แต่ความจริงก็คือ เขายังคงเป็นศูนย์กลางของสโมสรแห่งนี้ เวสต์ จะเป็นตำนานที่นี่ตลอดไป”

“เขาเป็นคนที่มีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของพวกเรา เขาเป็นแรงบันดาลใจของหลายๆคนจากบุคลิกที่เขาเป็นอยู่ และเขาเป็นคนสร้างบรรทัดฐานในแง่ของการเคารพกันในทีมนี้ เขาเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ผมคิดว่า ความสำคัญของผู้เล่นอาวุโสมันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณไม่สามารถอยู่กับผู้เล่นได้ตลอดเวลา และหากพวกเขาได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม พวกเขาจะช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมได้”

นอกจากนี้ อดีตผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า บางครั้งมันก็เป็นเหมือนการเดิมพันที่พึ่งพาผู้เล่นอาวุโสช่วยควบคุมห้องแต่งตัว โดยระบุว่า “ผมทำงานกับผู้เล่นอาวุโสมาเยอะมาก พวกเขาไม่เคยปริปากบ่นเลยเมื่อไม่ได้ลงเล่นในทุกๆเกม เวสต์ และ คริสเตียน เข้าใจบทบาทของพวกเขาเป็นอย่างดี และผลที่ได้คือ ผลกระทบเชิงบวกของพวกเขาที่ส่งออกมาในสนามซ้อม”

“มีหลายสิ่งที่คนอื่นไม่ได้เห็น เพราะพวกเขาไม่ได้ลงเล่นมากนัก แต่พวกเขาใส่เต็มที่ 150 เปอร์เซนต์เสมอทุกวันในการฝึกซ้อม เมื่อเราฝึกซ้อมลูกเซตพีซ พวกเขาจะคอยบอกว่า แนวรุกคู่แข่งจะมารูปแบบใดบ้าง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ และมันเป็นสิ่งที่เกิดจริงในเกม ผมคิดว่า มันเป็นสิ่งล้ำค่ามากๆสำหรับผู้จัดการทีม”

Photo : independent.co.uk

อิทธิพลที่มหาศาลของ มอร์แกน ก็ไม่ได้ส่งผลในทางลบต่อ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูมือ 1 ของ เลสเตอร์ ซึ่งสวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม “สุนัขจิ้งจอก” ทุกเกมตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่ผ่านมาแต่อย่างใด และที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้น พวกเขาทั้งคู่ยังคงช่วยกันทำงานนอกสนามร่วมกับ ร็อดเจอร์ส ในช่วงที่ฟุตบอลพักเบรคจากวิกฤตโคโรน่าไวรัส

การให้ความสำคัญกับนักเตะซีเนียร์นั้น มันเป็นเคล็ดลับแรกที่ ร็อดเจอร์ส นำมาใช้ในการเป็นกุนซือ เนื่องจากเขาสังเกตเห็นว่า โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตเทรนเนอร์ เชลซี ทำงานอย่างไรบ้างในช่วงที่เข้ามากุมบังเหียน “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2004

ย้อนกลับไปในห้วงเวลานั้น ร็อดเจอร์ส กำลังเป็นเฮดโค้ชทีมเยาวชน เชลซี ในขณะที่ มูรินโญ่ กำลังคุมทีมชุดใหญ่พร้อมกับเลือกนักเตะอย่าง จอห์น เทอร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ให้เป็นคนช่วยดูแลห้องแต่งตัว

Photo : dailymail.co.uk

ร็อดเจอร์ส เล่าต่อว่า “โชเซ่ จะมีผู้เล่นกลุ่มเล็ก ๆ ที่อยู่กับเขา ซึ่งผู้เล่นเหล่านั้นจะมีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ คอยควบคุมกลุ่มนักเตะที่เหลืออีก 80 เปอร์เซ็นต์ ผมจำได้ว่า ตอนนั้น โจเซ่ ยังเป็นโค้ชหนุ่มอยู่เลยแต่ผมคิดย้อนกลับไปว่า เขาเป็นคนฉลาดมาก”

“ถ้าคุณอยากจะควบคุมห้องแต่งตัว ผมคิดว่า คุณไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้ทุก ๆ นาทีเพื่อเฝ้าดูลูกทีมหรอก แต่ถ้าคุณมีคนที่สามารถเป็นเสาหลักของทีม และช่วยงานคุณได้นั้น มันจะยิ่งช่วยคุณได้เยอะมาก ความคิดแบบนี้มันอยู่กับผมเสมอ ผมคิดว่า หากผมเป็นผู้จัดการทีมผมก็จะใช้วิธีนี้เช่นเดียวกัน”

ภายในทีม เลสเตอร์ นั้น มอร์แกน และ ชไมเคิ่ล เป็นตัวเลือกที่ชัดเจนของ ร็อดเจอร์ส นอกจากนี้ ยังมีบรรดาผู้เล่นอาวุโสคนอื่นๆอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกจอมเก๋าชาวอังกฤษ วัย 33 ปี และ จอนนี่ อีแวนส์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 32 ปี ที่เป็นคนช่วยดูแลห้องแต่งตัวของ “สุนัขจิ้งจอก”

ร็อดเจอร์ส กล่าวว่า “ผมต้องการสร้างส่วนผสมของผู้เล่นดาวรุ่งกับผู้เล่นอาวุโส ขณะเดียวกัน นักเตะอย่าง เบน ชิลเวลล์ กับ ยูริ ตีเลอม็องส์ แม้จะอายุน้อยแต่พวกเขาก็สามารถสัมพันธ์ที่กับผู้เล่นต่างชาติคนอื่นๆได้”

“มันเป็นการผสมผสานที่ดีระหว่างนักเตะที่มีประสบการณ์กับผู้เล่นหนุ่มอายุน้อย และช่วยให้แน่ใจว่าข้อความจะส่งออกมามันเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มันเป็นเรื่องของความสมดุล ซึ่งกลุ่มผู้เล่น 5-6 คนนั้น จะช่วยเหลือกัน และประสานงานร่วมกับคนอื่นๆในทีมด้วยตัวพวกเขาเอง”

Photo : fr24news.com

ขณะเดียวกัน การมอบความสำคัญให้กับผู้เล่นหนุ่มก็คือสิ่งที่ ร็อดเจอร์ส คำนึงถึงอยู่เสมอ โดยหลายคนจำได้ว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์กัปตันทีม ลิเวอร์พูล เคยเกือบจะถูกขายให้กับ ฟูแล่ม แต่ไม่นานหลังจากนั้น เฮนโด้ ก็ต่อสู้จนก้าวขึ้นมาเป็นรองกัปตัน “หงส์แดง” ในวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น

นอกจากนี้ ร็อดเจอร์ส ยังถือว่า เป็นคนสำคัญที่มอบโอกาสให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกตัวเก่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แจ้งเกิดในสมัยที่ทั้งคู่ยังร่วมงานกับที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งจนปัจจุบัน สเตอร์ลิ่ง กลายเป็นนักเตะระดับท็อปไปเรียบร้อยแล้ว

ร็อดเจอร์ส กล่าวว่า “ราฮีม ได้กลายเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับผู้เล่นเยาวชนหลายๆคน และสิ่งที่ผู้เล่นเยาวชนรุ่นนี้มีคือ ความกล้าหาญ พวกเขาจะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น และพวกเขามีเวทีที่ยิ่งใหญ่ในการแสดงออก”

ในเวลานี้ กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ก็ต้องการที่จะปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ และไม่ใช่เพียงแต่ลูกทีม เลสเตอร์ เท่านั้น เพราะคนใกล้ตัวอย่างลูกชายของเขาก็อายุ 27 ปี และ ร็อดเจอร์ส ก็พยายามรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

Photo : foxestalk.co.uk

“มันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องสำคัญ มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องรับฟัง และให้เกียรติพวกเขา ผมใช้เวลามา 30 ปีแล้วในฐานะผู้จัดการทีม และผมรู้สึกว่ากำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ดีที่สุดของตัวเอง แต่คุณต้องมีความยืดหยุ่นในการเป็นผู้จัดการทีม และนั่นคือความเป็นผู้นำที่แท้จริง”

“ผมเคยไม่แน่ใจว่า จะสามารถทำได้ในฐานะผู้จัดการทีมคนหนุ่ม แต่เราต้องมีความมั่นใจในบทบาทของตัวเอง ผมมีประสบการณ์มาแล้ว และสิ่งที่ผมต้องจำไว้คือ ผมเป็นผู้จัดการทีมที่เคยคว้าแชมป์มาแล้ว แต่เรื่องของการเป็นผู้นำเกี่ยวกับตัวบุคคล”

“เมื่อคุณจะเริ่มต้นทำสิ่งใด คุณจะต้องกำหนดแนวทางของคุณให้ได้ แต่สำหรับผมยังคงนำเสนอวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ตอนนี้ผมเชื่อใจคนอื่นๆมากขึ้น นั่นคือ การจัดการทีม คุณรู้ว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองหรอก” ร็อดเจอร์ส กล่าวทิ้งท้าย

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top