เฟร์ราน ตอร์เรส กระทิงตัวใหม่ในทัพเรือใบ

เฟร์ราน ตอร์เรส ปีกดาวรุ่งชาวสเปน ของ บาเลนเซีย ทีมดังในศึกลา ลีกา ได้เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา มันเป็นการยุติข่าวลือทั้งหมดระหว่างตัวเขากับทีมชั้นนำทั่วยุโรปตลอดช่วง 2-3เดือนก่อนหน้านี้

ในช่วงที่ผ่านมา ตอร์เรส ตกเป็นข่าวว่า ได้รับข้อเสนอจากทั้ง ยูเวนตุส, บาเยิร์น มิวนิค, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายกลายเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่คว้าตัวเขาไปได้สำเร็จด้วยค่าตัวเบื้องต้นราว 25 ล้านปอนด์ และอาจขยับเพิ่มไปอีก 10 ล้านปอนด์ ในอนาคต

บาเลนเซีย ต้องการค่าตัว ตอร์เรส มากกว่านี้อีก แต่พวกเขาพิจารณาแล้วว่า ดาวเตะวัย 20 ปี เหลือสัญญาฉบับปัจจุบันอีกเพียงปีเดียวเท่านั้น และจะสามารถย้ายออกไปแบบไร้ค่าตัวในช่วงซัมเมอร์หน้า จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องยอมรับช้อเสนอของ แมนฯ ซิตี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กีเยม บาลาเก้ นักข่าว และกูรูดังแห่งวงการฟุตบอลแดนกระทิงดุ เปิดเผยว่า “ผมได้เจอกับ เฟร์ราน ที่ บาเลนเซีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมถามเขาว่า เขากำลังเรียนภาษาอยู่ใช่ไหม? เขาบอกว่า ใช่ เขาจะเป็นต้องเรียนภาษาเพราะไม่รู้ว่า ในอนาคตเขาจะต้องย้ายไปเล่นที่ไหน เขากำลังเรียนภาษาอังกฤษ เขาอธิบายว่า ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสำคัญที่สุดในโลก”

Photo : skysports.com

บาเลนเซีย วาง ตอร์เรส ไว้เป็นกำลังสำคัญในอนาคต และวางแผนเตรียมจะสร้างทีมใหม่รอบตัวเขา แต่จากการเข้ามาของ แมนฯ ซิตี้ มันก็ทำให้ “ไอ้ค้างคาว” ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้ และจำใจต้องปล่อยตัวดาวรุ่งชาวสเปนไปในที่สุด

ตอร์เรส ยังคงรักษาความภักดีต่อ บาเลนเซีย และเมืองเกิดของเขาที่ชื่อ โฟออส ซึ่งอยู่ห่างจากสนาม เมสตาย่า ไปทางทิศเหนือเพียง 6 ไมล์เท่านั้น โดยปีกตัวใหม่ แมนฯ ซิตี้ เริ่มเล่าว่า “ผมเติบโตที่นั่น เพื่อนๆทั้งหมดของผมก็อยู่ที่นั่น และความจริงก็คือ ผมรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากๆเมื่อกลับไปที่ โฟออส”

ตอร์เรส มาอยู่กับ บาเลนเซีย เมื่ออายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น เขาจำได้เป็นอย่างดีถึงวันแรกที่ได้โอกาสใส่เสื้อ บาเลนเซีย ลงไปฝึกซ้อมกับเด็กคนอื่นๆ โดยเล่าว่า “ผมจำได้ว่า ผมสวมเสื้อแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้น ผมก็มองตัวเองด้วยความงุนงง”

“ผมเพิ่งสวมใส่เสื้อ และกางเกง และผมก็จ้องมองที่ชุด บาเลนเซีย และพูดกับตัวเองว่า ฉันกำลังทำอะไรที่นี่? ฉันมาที่นี่ได้อย่างไร?  มันเป็นช่วงเวลาพิเศษมาก หลังการฝึกซ้อมวันนั้นเสร็จสิ้น ผมคิดเลยว่า นี่เป็นทีมของผม และผมจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับสโมสรแห่งนี้”

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ ตอร์เรส รู้ดีว่า มันถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเดินออกจากสโมสรที่เชียร์มาตลอดชีวิต เพื่ออนาคตในเส้นทางนักฟุตบอล “ในฐานะผู้เล่นผมคิดว่าตัวเองมีความทะเยอทะยาน ผมต้องการชนะ ชนะ และก็ชนะ เมื่อเวลาผ่านไป และคุณรู้สึกว่า คุณเตรียมพร้อมมากขึ้นแล้ว คุณก็ต้องการรับมือกับความท้าทายที่มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ใช่ ผมคิดว่า ผมพร้อมแล้วที่จะทำแบบนั้น”

“ในใจผมคิดอยู่เสมอว่า ผมต้องการเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุด และผมพยายามที่จะทำให้ดีที่สุดเมื่อไปถึงจุดนั้นใหได้ ถ้าคุณไม่เชื่อว่า ตัวเองดีที่สุด คุณก็จะไม่มีทางไปถึงจุดนั้นได้ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”

Photo : defensacentral.com

ทักษะ และความเร็วของ ตอร์เรส โดดเด่นมาตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนแล้ว เขาเล่นในตำแหน่งเดียวกัน ลิโอเนล เมสซี่ จอมทัพ บาร์เซโลน่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกตัวเก่ง ยูเวนตุส นอกจากนี้ เขายังมักได้เผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีอายุมากกว่าอย่างน้อย 2 ปีอยู่เสมอ

“ผมประสบปัญหาเพราะความแตกต่างทางกายภาพ ผมตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ผมเห็น พวกเขามีรูปร่างที่แข็งแกร่ง ผมต้องพยายามดิ้นรนจนถึงจุดนั้น จนบางทีผมก็ร้องไห้ออกมา มันความท้าทายในฐานะเด็กอายุ 14 หรือ 15 ปี ที่ต้องเจอกับ เด็กอายุ 17 และ 18 ปีที่แข็งแกร่งกว่า มันยากสำหรับผม และผมรู้สึกว่า ผมไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ หรือสามารถทำสิ่งที่ผมต้องการได้ มันเป็นงานยากจริงๆ” ตอร์เรส กล่าว

ในระหว่างที่เขาช่วยทีมชาติสเปนชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี ทำศึกฟุตบอลโลกปี 2017 ที่ประเทศอินเดีย นั้น ตอร์เรส ได้รับข่าวสำคัญว่า จะได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดใหญ่ของ บาเลนเซีย และในวันที่ 16 ธันวาคมปีดังกล่าว เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่เกิดในยุค 2000 ที่ได้ลงเล่นในลา ลีกา ในเกมเปิดตัวกับ เออิบาร์

จุดแข็งสำคัญของ ตอร์เรส คือ สปีดที่จัดจ้าน และการควบคุมบอลที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งการเล่นในจังหวะที่คู่แข่งมักคาดไม่ถึง นอกจากนี้ เขายังเป็นตัวรุกสมัยใหม่ที่สามารถเล่นได้ทั้งริมเส้น, ตรงกลางสนาม และยิงประตูได้อย่างเฉียบคมอีกด้วย  

Photo : marca.com

สไตล์การเล่นของ ตอร์เรส มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำให้เขาถูกเปรียบเทียบกับ โรนัลโด้ และตัวเด็กปั้น บาเลนเซีย เองก็ระบุว่า เขามี ซุเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกส เป็นไอดอลเช่นเดียกวัน โดยระบุว่า “ไม่ใช่เพียงเพราะผมเล่นฟุตบอลตามแบบฉบับของเขาเท่านั้น เขาเป็นคนที่น่ายกย่อง และผมอยากจะเดินตามรอยเขา”

โฆเซ่ ฆิเมเนซ ผู้อำนวยการกีฬาในทีมเยาวชนของ บาเลนเซีย อธิบายว่า “เฟร์ราน เป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบ บางทีสิ่งที่มีค่าที่สุดในตัวเขาคือ สัญชาตญาณในการเล่นฟุตบอลของเขา”

ขณะที่ ตอร์เรส กล่าวว่า “มากกว่าความเข้าใจในเกมบางครั้งผมก็เล่นไปด้วยสัญชาตญาณ ถ้าคุณหมายถึงความเข้าใจในเกม ผมก็อาจพูดแบบนั้นได้ บางทีผมก็ไม่ได้คิดช็อตการเล่นล่วงหน้ามากนัก ผมไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะทำอะไร ผมแค่เล่นไปตามจังหวะเกม”

นอกสนาม ตอร์เรส เป็นนักเตะที่มีสัมพันธ์ยอดเยี่ยมกับแฟนบอล บาเลนเซีย อยู่เสมอ และเขาก็ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สาวก “ไอ้ค้างคาว” ชื่นชอบอย่างมาก  โดยเจ้าตัวเล่าว่า“สำหรับแฟน ๆ หลายคนที่คุณพูดถึงนั้น พวกเขาต้องใช้เวลาของตัวเองในการถ่ายรูปกับคุณ และพวกเขาก็สมควรได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้น ผมจึงใช้เวลาทุกช่วงที่ตัวเองสามารถทำได้เพื่ออยู่กับพวกเขาให้มากที่สุด”

ก่อนหน้านี้ ตอร์เรส ยังคงอาศัยอยู่กับคุณพ่อของเขาในฟีโอส ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งซื้ออพาร์ทเมนท์ใหม่ใน บาเลนเซีย แต่เขาก็ยังนึกถึงวัยเด็กที่ได้เล่นพรวนดินในสวนผลไม้ของคุณปู่ และตอนนี้เขาก็คิดว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้

Photo : skysports.com

ตอร์เรส กล่าวว่า “มันเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ผมไม่เคยลืมเลย เพราะถึงแม้ว่า การพรวนดินมันจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฟุตบอลโดยตรง แต่อย่างน้อยก็ช่วยผมให้กลายเป็นบุคคลอย่างที่ผมเป็นทุกวันนี้”

ขณะเดียวกัน เพื่อนสนิทมักจะเรียก ตอร์เรส ว่า เฟอร์รี่ โดยตัวรุกชาวสเปน กล่าวถึงกลุ่มเพื่อนว่า “ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ 4 คนในชีวิต พวกเขาทุกคนปฏิบัติต่อผมด้วยความจริงใจ เราติดต่อกับกันอยู่เสมอ เมื่อผมทำสิ่งที่ไม่ดีพวกเขาก็จะบอกผม และเมื่อผมทำดีพวกเขาอยู่ทตรงนั้นเพื่อแสดงความยินดีกับผม แต่ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดผมรู้สึกขอบคุณพวกเขามากที่สุดเมื่อพวกเขาบอกผมเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเคยทำผิดไป”

ปัจจุบัน ตอร์เรส ยังไม่มีแฟน และผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตของเขาคือ อรานซ่า พี่สาวที่อายุห่างกัน 6 ปี  โดยเขาเล่าว่า “กับพี่สาวของผมมันเป็นความจริงที่ว่า ผมเปิดใจคุยกับเธอได้ทุกเรื่อง ผมสามารถพูดสิ่งที่ผมกำลังคิดออกไปได้ เธอเป็นคนสนิทของผม”

“เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก และซับซ้อนกับผมมาแล้ว เธอกำลังทำงานในสายอาชีพของตัวเอง เธอจบปริญญาโท และนั่นเป็นเรื่องดีอย่างมาก ผมคิดว่า เหตุผลที่ทำให้ผมเข้ากันได้ดีกับเธอก็เพราะเธอรู้วิธีที่จะอยู่ในจุดที่เหมาะสม และผมรู้ว่าถ้าผมต้องการบางสิ่งผมสามารถไปหาเธอได้เสมอ”

“เธอจะไม่ถามผม แต่เมื่อผมมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาใด คนแรกที่ผมมักจะไปหาคือเธอ เรามีรอยสักบนข้อเท้าของเราทั้งคู่เป็นรูป สมอ ซึ่งหมายความว่า ผมปฏิเสธที่จะจมดิ่งลงไป นั่นเป็นเพราะเราได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยกัน เราได้ผ่านมันมาแล้ว และเราจะก้าวไปข้างหน้า” ตัวรุกคนใหม่ “เรือใบสีฟ้า” กล่าวปิดท้าย

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top