มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเหล่าบรรดานักเตะ “ไอ้ปืนใหญ่” ดีใจกันอย่างสุดขีดหลังจบเกมที่พวกเขาเอาชนะ เชลซี 2-1 ในศึกเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่สนามเวมบลีย์ พร้อมคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ และถือเป็นการปิดซีซั่นที่สวยงามของพวกเขา
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้าทีมชาติกาบองกลายเป็นฮีโร่ของ อาร์เซน่อลหลังเป็นคนซัด 2 ประตูในเกมรอบรองฯที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 และยังคงโชว์ฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องด้วยการซัดในรอบชิงฯกับ เชลซี ไปอีก 2 ประตู โดย อาร์เตต้า อธิบายว่า “ในเกมใหญ่แบบนี้เราก็ต้องการช่วงเวลาพิเศษจากนักเตะชั้นยอดแบบเขา”
อาร์เซนอล กลายเป็นทีมที่มีแนวทางชัดเจนมากขึ้นหลังจาก อาร์เตต้า เข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยโค้ชวัย 38 ปี ต้องเข้ามาสะสางปัญหามากมายในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ที่ อูไน เอเมรี่ อดีตเทรนเนอร์ชาวสเปน ทิ้งเอาไว้
แน่นอนว่า อันดับในตารางพรีเมียร์ลีกไม่ได้สะท้อนถึงการพัฒนาของ อาร์เซน่อล หลังจากพวกเขาจบฤดูดาลด้วยอันดับ 8 ซึ่งเป็นอับดับต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนคือ “ไอ้ปืนใหญ่” ภายใต้การคุมทัพของ อาร์เตต้า ได้นำจิตวิญญาณ, ความมุ่งมุ่น และระเบียบวินัยเข้ามาสู่สโมสร
ในเกมนัดชิงฯเอฟเอ คัพ อาร์เซนอล โดน เชลซี ยิงนำไปก่อนในนาทีที่ 5 จาก คริสเตียน พูลิซิช ปีกชาวสหรัฐฯ มันทำให้สาวก “เดอะ กันเนอร์ส” หลายคนหวนกลับไปคิดถึงเกมนัดชิงฯยูโรป้า ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทีมรักของพวกเขาพ่ายให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” แบบหมดรูป 1-4
อย่างไรก็ตาม ในเกมนี้มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง อาร์เตต้า ไม่ตื่นเต้นแม้จะโดนทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ขึ้นนำไปก่อน เขาค่อยๆปรับแท็คติคจน อาร์เซนอล พลิกกลับมาเอาชนะได้ในที่สุด พร้อมกับกล่าวหลังจบเกมว่า ลูกทีมของเขามีช่วงเวลาที่สุดยอดราว 30 นาที นับตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีมเลยทีเดียว
มันเป็นพูดที่น่าประทับใจของ อาร์เตต้า และมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ อาร์เซน่อล เผชิญหน้ากับความยากลำบาก โดยการพบกับ เชลซี ครั้งล่าสุดในเกมลีกที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา“ไอ้ปืนใหญ่” ก็เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน แต่ก็ยังบุกไปยันเสมอได้ 2-2 และยังเคยเอาชนะทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล มาแล้ว
ความเชื่อ และความศรัทธาถูกนำกลับมาในกลุ่มแฟนบอล อาร์เซนอล และบรรดาผู้เล่น โดยสไตล์ และแท็คติคการเล่นของ “ไอ้ปืนใหญ่” ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทีละน้อย ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังที่ อาร์เตต้า มักใช้เวลาช่วงพักครึ่งแก้เกมได้อย่างยอดเยี่ยม
ทั้งหมดนี้มันชัดเจนแล้วว่า ทำไม อาร์เตต้า ถึงได้รับการยกย่องอย่างมากจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งทั้งคู่เคยทำงานร่วมกันมาแล้วในทัพ “เรือใบสีฟ้า” และมันไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมผู้เล่น อาร์เซนอล ถึงชื่นชมเขาอย่างมาก
ดานี่ เซบาญอส กองกลางชาวสเปนของ อาร์เซนอล ที่ยืมตัวมาจาก เรอัล มาดริด กล่าวถึง อาร์เตต้า ว่า “ผมคิดว่า เขาจะเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในโลกในอนาคต”
เซบาญอส ไม่ใช่ผู้เล่นคนเดียวที่ได้รับประโยชน์จากการเข้ามาคุมทีมของ อาร์เตต้า แต่เขาก็เป็นตัวอย่างที่ดีหลังได้คำแนะนำจากกุนซือเพื่อนร่วมชาติ โดยดาวเตะวัย 24 ปี พัฒนาฟอร์มการเล่นขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด และกลายเป็นกำลังสำคัญในแดนกลางของ อาร์เซนอล ไปเรียบร้อยแล้ว
กรานิต ชาก้า ห้องเครื่องชาวสวิตเซอร์แลนด์ คู่หูในแดนกลางของ เซบาญอส ก็เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ เขาแทบจะหมดอนาคตหลังการจากไปของ เอเมรี่ แต่ตอนนี้ ดาวเตะวัย 27 ปี กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังได้ทำงานร่วมกับ อาร์เตต้า
ชโคดราน มุสตาฟี่ กองหลังชาวเยอรมัน และ ดาวิด ลุยซ์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวบราซิล ที่ถึงแม้ก่อนหน้านี้ทั้งคู่จะโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ อาร์เตต้า ก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวแนวรับทั้ง 2 รายอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับให้โอกาสลงสนามเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
ขณะเดียวัน แม้จะไม่มี เมซุต โอซิล จอมทัพชาวเยอรมัน และ มัตเตโอ เกนดูซี่ กองกลางดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส ที่มีปัญหาส่วนตัว รวมถึง ปาโบล มารี ปราการหลังชาวสเปน ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ อาร์เตต้า ยังสามารถพา อาร์เซนอล ฝ่าวิกฤตมาได้
อาร์เตต้า ยังคงสร้างความยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง เขาได้เปลี่ยนอารมณ์รอบ ๆ สโมสร อาร์เซนอล ให้เต็มไปด้วยแรงศรัทธา พร้อมกับสร้างความหวังว่า พลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” ชุดนี้มีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า
การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ พร้อมตั๋วไปเล่นยูโรป้า ลีก ในซีซั่นหน้า นั้น ช่วยเรื่องผลกระทบทางการเงินของ อาร์เซนอล ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่าได้ในระดับหนึ่ง และมันเป็นการการันตีว่า พวกเขามีเงินเพียงพอในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับขุมกำลังในช่วงซัมเมอร์นี้
ขณะเดียวกัน อาร์เซนอล พยายามโน้มน้าวให้ โอบาเมยอง เซ็นสัญญาฉบับใหม่ออกไป โดยดาวยิงวัย 31 ปี ยังไม่ตอบรับข้อเสนอ แต่ อาร์เตต้า ดูยังคงมองมองโลกในแง่ดี และคิดว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงกันได้อย่างแน่นอน
อาร์เตต้า เข้ามารับมรดก อาร์เซนอล ในสภาพที่วิกฤต แต่เขาใช้เวลาเพียง 8 เดือน และการพาทีมกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง เขาได้กำหนดทิศทางที่ชัดเจนสำหรับสโมสร ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แฟนบอลต้องการมาโดยตลอด
นอกจากนี้ อาร์เตต้า ยังทำให้ทุกคนในสโมสร อาร์เซนอล มั่นใจได้ว่า ฤดูกาลที่ยาวนาน และยากลำบากของพวกเขาถูกจดจำว่าประสบความสำเร็จ และมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่พิเศษในซีซั่นต่อไป