Home บทความฟุตบอล ชะตากรรม “โอเล่” ภายใต้บอร์ดบริหารผีแดง

ชะตากรรม “โอเล่” ภายใต้บอร์ดบริหารผีแดง

0
ชะตากรรม “โอเล่” ภายใต้บอร์ดบริหารผีแดง

ตลาดซื้อ-ขายของลีกใหญ่ๆ ในยุโรปิดตัวลงไปแล้ว…หลายๆ ทีมยักษ์ใหญ่คงพอใจกับการทำงานของบอร์ดบริหารที่แม้เจอกับงานยากสุดๆ เพราะต่างเจอวิกฤติการเลินเล่นงานขาดรายได้จากผลพวง โควิด-19 ที่โดนผลกระทบกันทั่วทุกวงการ สโมสรไม่มีรายได้จากตั๋วเข้าชมแต่ละเกมมาตั้งแต่ปีก่อน การทัวร์ชมสนามเพื่อขายของที่ระลึกก็ยังเงียบเหงา อย่างไรก็ตามรายจ่ายของทีมยังคงเหมือนเดิมยิ่งเฉพาะสโมสรชื่อดังบิลคงยาวเป็นหางว่าว ทั้งในเรื่องค่าเหนื่อยของนักเตะ, ค่าจ้างทีมงาน และการชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินที่กู้ยืมมาลงทุน…ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมจัดการของ บอร์ดบริหาร ทั้งหมดทั้งสิ้นว่าจะนำเงินไปเล่นแร่แปรธาตุแบบไหนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แต่แล้วประเด็นร้อนที่แฟนบอลต่างงงงวยกันเป็นแถบๆ คือ การใช้เงินแบบโง่เขลาของหนึ่งในทีมที่มีผู้หนุนหลังมากที่สุดในโลกอย่าง ปีศาจแดง ที่ออกอาการ Panic Buy เสริมทัพแบบล่กๆ ในวันปิดท้ายตลาด

เอ็ด วู้ดเวิร์ด และ แม็ตต์ จัดจ์ สองทีมงานซื้อ-ขายนักเตะ ที่ไปคว้าน้ำเหลวอย่างมากในตลาดรอบนี้…ไม่แปลกใจที่ โอเล่ ต้องทำทีมอย่างยากลำบาก

หลังจากความพ่ายแพ้แบบยับเยินคาบ้านให้กับ “ไก่เดือยทองท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แบบน่าอับอาย 1-6 กล้องถ่ายทอดสดต่างแพนจับภาพไปที่สีหน้าของ ลอร์ดเอ็ด อยู่แทบตลอด เนื่องจากก่อนหน้านั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งจะได้นักเตะใหม่มาเพียงแค่รายเดียว คือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค มิดฟิลด์อนาคตไกลจาก อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ภายใต้การช่วยดันดีลอย่างสุดตัวของอดีตนักเตะเก่าอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ผู้นั่งแท่น Director of Football ของยักษ์ใหญ่แดนกังหันลมที่เป็นเพื่อนกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จึงพร้อมส่งมอบหนึ่งในเพชรเม็ดงามของทีมให้อย่างไม่ขัดเขิน เนื่องจาก อาแจกซ์ ก็ได้รับค่าตัวที่สมน้ำสมเนื้อเช่นเดียวกันทุกอย่างเลยจบลงอย่างง่ายดาย…อย่างไรก็ตามเป้าหมายหลักเบอร์หนึ่งในตลาดรอบนี้ของทัพ เร้ด เดวิลส์ อย่าง จาดอน ซานโช่ ที่สโมสรตามเทียวไล้เทียวขื่อมากว่าครึ่งปีกลับลงเอยด้วยความผิดหวัง แถมหลายๆ สื่อต่างวิจารณ์การทำงานในดีลนี้ของ วู้ดวิร์ด และ จัดจ์ กันอย่างสนุกปากเพราะขนาดแฟนบอลยังมองออกว่าทั้งสองคน ไม่ให้เกียรติ คู่ค้าอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบน่าเกลียดสุดๆ…เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากข่าวลือแบบหนาหูว่า ปีศาจแดง ต้องการตัว ซานโช่ มาแก้จุดบอดในตำแหน่งปีกขวาของทีมอย่างที่สุด ซึ่งทาง มิชาเอล ซอร์ก ผู้บริหารของ เสือเหลือง ก็ทำได้แค่แบ่งรับแบ่งสู้ในการตอบคำถามดีลนี้มาโดยตลอดเพราะรู้ดีว่านักเตะในสังกัดของตัวเองมีความต้องการย้ายกลับอังกฤษไปค้าแข้งใน โรงละครแห่งความฝัน จึงทำได้แค่ปักป้ายหนักแน่นชัดเจนว่า ซานโช่ จะย้ายทีมก็ต่อเมื่อ เสือเหลือง ได้ค่าตัว 120 ล้านยูโรแบบไม่มีแบ่งจ่ายหรือบวกเพิ่มโบนัสใดๆ ในอนาคตเพียงเท่านั้น…แต่จนแล้วจนรอด ปีศาจแดง กลับใช้เทคนิคเดิมๆ เหมือนการคว้าตัว บรูโน่ เฟอร์นันเดส เมื่อตลาดรอบที่แล้ว คือ Media Briefing ด้วยการใช้สื่อในประเทศอังกฤษเจ้าดังๆ เลือกนักข่าวตัวกลั่นๆ ระดับท็อปของวงการเต้าข่าวขึ้นมาว่า ซานโช่ มีใจเอย, ดีลใกล้จบลงแล้ว และทั้งสองสโมสรมีการพูดคุยกันต่างๆ นาๆ เพื่อให้กระแสของดีลนี้มีการขยับอยู่ตลอด พร้อมกับบีบ ดอร์ทมุนด์ ไปในตัวว่าสุดท้ายยอมซะเถอะ!!! ซานโช่ มันอยากมา แมนฯ ยู นะเฟ้ย!!! ปล่อยตัวมันย้ายซะดีๆ…

ทางข่าวในตอนแรกเหมือนทุกอย่างจะเข้าทาง ปีศาจแดง เกือบทั้งหมด

ท้ายที่สุดบทสรุปกลับไม่เป็นดังที่หวังไว้เนื่องจาก ซานโช่ ยินดีจะอยู่กับต้นสังกัดเดิมต่อไป และจะไม่บีบทีมให้ขายเขาออกไปหากไม่ได้ราคาที่เหมาะสม แถมมีข่าวหลุดมาด้วยว่า ซานโช่ มีความเป็นมืออาชีพพอเข้าใจสถานการณ์การเจรจาเป็นอย่างดี ไม่ได้ย้ายก็จะไม่ สไตรค์ หรือทำตัวงอแงมีปัญหาอย่างแน่นอน แม้ว่าผู้สื่อข่าวสายซื้อ-ขายดังๆ จะบอกอย่างชัดเจนว่า ซานโช่ ตกลงเงื่อนไขสัญญากับ ปีศาจแดง ได้ตั้งนานแล้ว แล้วย้อนมามองสิ่งที่ทีมซื้อ-ขายของ แมนฯ ยู ทำตลอดดีลนี้จนถึงวันเดดไลน์ จัดจ์ และ วู้ดเวิร์ด ไม่เคยเจรจาตรงๆ กับบอร์ดของ เสือเหลือง เลยตั้งแต่มีข่าวออกมา มีเพียงแค่ส่ง ตัวแทน ไปพูดคุยเท่านั้น แถมไม่มีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการใดๆ ให้พิจารณาเลย มีแค่การปล่อยหมัดแย็บว่า ยินดีจ่ายเงินก้อนแรก 80-90 ล้านยูโรบวกเงื่อนไขเพิ่มเติมในอนาคต แน่นอนว่ายักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่เล่นด้วยแน่ๆ อยู่แล้ว…ผลที่ตามมาในดีลนี้กลายเป็น Now or Never คือ ถ้าไม่ยอมซื้อ ซานโช่ ในราคานี้ในตลาดรอบนี้ก็ปิดตายประตูที่ปีกพรสววรค์สูงจะย้ายมาร่วมทีมในอนาคตไปได้เลยตลอดกาล

ดีลของ ซานโช่ จบลงตลอดกาล…ตามรายงานข่าวของหลายๆ สื่อ

จนแล้วจนรอดในวันสุดท้าย ปีศาจแดง ก็ไม่ได้มีการยื่น Official Bid ไปให้ ดอร์ทมุนด์ พิจารณาแล้วปิดดีลไปแบบจืดๆ พร้อมเสียงก่นด่าของแฟนบอลทั่วโลกว่า เล่นอะไรกัน? บางกระแสที่ยังหนุนหลังบอร์ดพยายามหาข้ออ้างต่างๆ นาๆ ว่าทีมอาจมีปัญหาเรื่องการเงิน ไม่ก็ต้องรอสรุปยอดค่าใช้จ่ายให้เป็นบวกเพื่อแสดงรายได้ในไตรมาสนี้ให้กับ สถาบันการเงิน กับ ผู้ถือหุ้นสโมสรพึงพอใจ…แต่แล้วภายในคืนเดียว แมนเชสเตอ์ ยูไนเต็ด กลับควักเงินก้อนโตออกจากกระเป๋าราว 60 ล้านยูโร เพื่อแลกกับลายเซ็นต์ของ อาหมัด ดิยัลโล่ ปีกโนเนมจาก อตาลันต้า, ฟาคุนโด้ เปลลิสตรี ปีกพรสวรรค์สูงจาก เพนารอล, อเล็กซ์ เตลเลส แบ็คซ้ายจอมบุกจาก เอฟซี ปอร์โต้ และ เอดินสัน คาวานี่ ดาวยิงรุ่นลุงที่เป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์มาร่วมทีม ถามว่านี่คือการซื้อที่ เฮียยิ้ม พอใจจริงๆ หรือ? ตำแหน่งปีกขวาทั้งสองคนที่ซื้อมาแก้ปัญหายังไม่มีคนไหนเลยที่พิสูจน์ตัวเองในการเล่นทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัว แถมในรายของ ตราโอเร่ ต้องรอถึงเดือนมกราคมนักเตะจึงจะมาอยู่กับทีมอย่างเป็นทางการ

โฉมหน้าของ เปลลิสตรี, เตลเลส, คาวานี่ และ ดิยัลโล่ สี่นักเตะใหม่ของทัพ ปีศาจแดง

สถานการณ์แบบนี้แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ น่าจะคุ้นเคยและผ่านมันมาแล้วภายใต้การคุมทัพของสองกุนซือระดับโลกอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ต่างเอาชื่อมาทิ้งเพราะการทำงานอันง่อยกระรอกของบอร์ดสุดเฮงซวยชุดนี้ ปัญหาเดิมๆ คือ เป้าหมายหลักในการเสริมทัพของกุนซือไม่เคยได้ตามใบสั่ง แต่เอาตัวอะไรไม่รู้มายัดเข้ามือให้เป็นการซื้อแบบบังหน้ากันเสียงบ่นของแฟนบอลเท่านั้น เหมือนจะให้คิดว่าบอร์ดจ่ายเงินเสริมทัพแล้วเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายไปแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด อย่างไรก็ตามนักเตะระดับตำนานของทีมหลายๆ คน อาทิ ปาทริช เอฟร่า และ รอย คีน ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นแบบถึงพริกถึงขิงในเรื่องการบริหารทีมของบอร์ดชุดนี้ว่า สุดท้ายแล้ว โซลชา จะตกเป็นแพะรับบาปเหมือนดังเช่นชะตากรรมของผู้จัดการทีมคนก่อนๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากเขาต้องแบกภาระพาทีมตามสภาพลุยศึกทั้งบอลลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่แฟนบอลต่างคาดหวังความสำเร็จแบบรอไม่ได้ นี่ยังไม่นับรวมถ้วยอื่นๆ จิปาถะ แต่ขุนพลภายในมือกลับไม่ได้มีให้ใช้งานตามที่เขาต้องการเลย ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าผลงานของทีมตกต่ำคนที่แบกรับเอาไว้ทั้งหมดย่อมเป็นผู้จัดการทีมเพราะเป็นคนวางแผนการเล่น และเลือกนักเตะกับแทคติกส์ใช้งานแ่ละนัด ถ้าเป็นแฟนบอลผีแดงพันธ์แท้รู้ตัวอยู่แล้วว่าทีมมีกุนซือที่อ่อนเรื่องแผนการเล่นและการแก้เกมอย่างมากเมื่อนำไปเทียบกับคู่แข่งรดับท็อป แทนที่บอร์ดบริหารจะคอยสนับสนุนเรื่องการอัพเกรดขุนพลให้แข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อกลบจุดอ่อน กลับซื้อแต่ดาวรุ่งและนักเตะที่อยู่ช่วงปลายการค้าแข้งเข้ามาให้เทรนเนอร์ปลุกปั้นเอาเองซะอย่างนั้น

ไม่แน่นใจว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กันแน่ถึงจะกลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง เพราะทุกวันนี้แฟนบอลต่างเริ่มหมดศรัทธาในตัวเจ้าของทีม, บอร์ดบริหาร และแม้แต่ตัวผู้จัดการทีมอย่าง โซลชา เองก็โดนหางเลขไปด้วย นี่ยังไม่นับประเด็นที่ บรูโน่ เพลย์เมคเกอร์ตัวกลั่นของทีมถูกถอดออกตั้งแต่ช่วงพักครึ่ง ที่มีข่าวลือหลุดออกมาว่า เดอะแบกชาวโปรตุกีส มีปากเสียงอย่างหนักกับกัปตันทีม แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จนหัวเสียเกินทนและไม่มีอารมณ์ที่จะลงเล่นในครึ่งหลังต่อได้ หากข่าวที่หลุดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงแน่นอนเลยว่า สภาพจิตใจของนักเตะในทีมตอนนี้เข้าขั้นมาคุ มีโอกาสเป็นปัญหาใหญ่ในระยะยาว เรียกได้ว่าอาจจะโชคดีที่มีเกมทีมชาติมาพักเบรคเรื่องยุ่งๆ ในแคมป์ปีศาจแดงได้สักช่วงหนึ่ง แต่เมื่อต้องกลับมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงแล้วทุกคนจะกลับมารวมใจกันได้อีกครั้งหรือไม่? ผลงานข้างหน้าและอนาคตของทีมจะเป็นไปในทิศทางใด? โซลชา จะแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้ได้อีกนานเท่าไหร่? เชื่อว่าไม่นานแฟนบอลคงได้คำตอบหลังรู้ศักยภาพที่แท้จริงของทีมยามลงขับเคี่ยวกับทีมระดับท็อปในถ้วยหูใหญ่ในไม่ช้า…แล้วคงรู้ว่านักเตะที่ซื้อมานั้นแก้ปัญหาได้จริงหรือเป็นแค่การตบตาเล่นตลกเหมือนเคยๆ

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้