“เขาเป็นนักฟุตบอลที่น่าเหลือเชื่อ” เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล เคยกล่าวถึง แจ็ค กรีลิช เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติอังกฤษ ของ แอสตัน วิลล่า ในขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ชื่นชม กรีลิช ว่า “เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก” จากคำชื่นชมของทั้งคู่นั้นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กัปตันทีม “สิงห์ผยอง” ยอดเยี่ยมเพียงใด
ในช่วงที่ผ่านมาผลงานของ กรีลิช กับ วิลล่า โดดเด่นอย่างมาก แต่กับทีมชาติอังกฤษนั้น เขายังไม่ได้รับโอกาสเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ โดย แกเร็ธ เซาต์เกต นายใหญ่ “สิงโตคำราม” ก็ดูเหมือนจะเบื่อกับการตอบคำถามแล้วว่า ทำไม ดาวเตะวัย 25 ปี ถึงยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม
ขณะเดียวกัน พอล เมอร์สัน อดีตมิดฟิลด์ วิลล่า และทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของ เซาต์เกต ทั้งกับสโมสร และทีมชาติอธิบายว่า “แจ็ค กรีลิช เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ผมชอบดูการเล่น ในเกมล่าสุดกับ อาร์เซน่อล ผู้รักษาประตูโยนบอลยาวให้เขา และเขาก็พาบอลไปสุดเส้นหลังได้อย่างสบายๆ แม้จะโดนไล่กดดันจาก เฮคเตอร์ เบเยริน ก็ตาม เขานิ่งมากๆ”
“เขาไม่ได้เล่นในฟอร์มที่สุดยอดอย่างนั้นเหรอ? ผมไม่คิดแบบนั้นเลยนะ หรือผมมองอะไรพลาดไปตอนที่ดูเขาเล่น ผมเห็นอะไรที่แตกต่างออกไปที่ไม่มีใครเห็น และผมก็ไม่เคยสงสัยในคุณภาพของเขาเลย”
อย่างไรก็ตาม เซาต์เกต ยืนยันว่า กรีลิช ซึ่งเป็นผู้เล่นในบทบาทหมายเลข 10 นั้น ไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกในแนวรุกสำหรับแท็คติคของเขา เนื่องจาก “สิงโตคำราม” ชุดนี้ จะเน้นโจมตีทางริมเส้นเป็นหลักด้วยการใช้ตัวรุกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, ราฮีม สเตอร์ริ่ง และ จาดอน ซานโช่
นอกจาก แรชฟอร์ด, สเตอร์ริ่ง และ ซานโช่ จะเป็น 3 ตัวหลักในแนวรุกแล้ว เซาต์เกต ก็มักใช้ดาวรุ่งอย่าง ฟิล โฟเด้น, เมสัน เม้าท์ และ เมสัน กรีนวู้ด ลงสนามก่อน กรีลิช เสียอีก ซึ่งทำให้ ดาวเตะ วิลล่า ถูกมองข้ามไปโดยปริยายแม้จะฟอร์มดีแค่ไหนก็ตาม
เมอร์สัน กล่าวต่อว่า “ผมไม่รู้ว่า เซาธ์เกต อาจจะมอง และสงสัยว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของ กรีลิช คืออะไรกันแน่ แต่สำหรับผมเขาคือนักสู้ เขาควรได้รับอิสระในการทำเกมรุกด้านซ้าย และก็ควรได้รับอิสระในการไปทำเกมในตำแหน่งอื่นของสนามด้วยเช่นกัน”
“เขาเป็นผู้เล่นที่ต้องได้ลงสนามทุกสัปดาห์ และในเรื่องของพรสวรรค์ผมไม่เคยสงสัยเลยเพราะเขาแสดงให้เห็นมานานแล้ว ผมคิดว่าเขาเป็นผู้เล่นอังกฤษที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่เรามีอยู่ตอนนี้ เขามีฝีเท้าใกล้เคียงกับ พอล แกสคอยน์ ที่สุดแล้ว”
สำหรับมุมมองของ เมอร์สัน มันไม่ผิดเลยที่คิดว่า กรีลิช มีสไตล์ และฝีเท้าใกล้เคียงกับ แกสคอยน์ แต่สำหรับ เซาต์เกต เขากลับเฉยเมยต่อความคิดนี้ และยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขายังยึดมั่นในแนวทางของตัวเองเป็นหลัก
ในช่วงที่ผ่านมา กรีลิช เคยโดนวิจารณ์อย่างหนักว่า ครองบอลนานเกินไป และมักจะทำให้ทีมเสียโอกาสในการโจมตี แต่ในซีซั่นนี้ เขาปรับปรุงการเล่นขึ้นเยอะมาก และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการบัญชาการเกมรุกของ วิลล่า
เมอร์สัน กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ผมไม่คิดว่า กรีลิช ครองบอลนานเกินไป สำหรับฤดูกาลที่แล้วในช่วงท้ายๆ ผมคิดว่า เขาเป็นกัปตันของทีมฟุตบอลโรงเรียนเสียอีก แต่มันเป็นเพราะเขาไม่เชื่อใจเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เขาจึงต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง”
“แต่ตอนนี้เขามี จอห์น แม็คกินน์ ที่ฟิตแล้ว และมี แมทท์ ทาร์เกตต์ ช่วยงานทางฝั่งซ้าย ซึ่งทำให้เขาเล่นบอลได้สบาย และสร้างสรรค์เกมรุกได้โดยไม่ต้องกังวล รวมถึงยังมี รอสส์ บาร์คลีย์ ที่เขาเล่นได้เข้าขากันอีก และในแดนหน้าก็ยังมี โอลลี่ย์ วัตกิ้นส์ ผมไม่คิดว่า เขาจะครองบอลไว้กับตัวเองอีกแล้ว”
ในฤดูกาลนี้ สถิติมันยิ่งชัดเจนว่า กรีลิช ไม่ใช้คนหวงบอลอีกแล้ว เขาส่งบอลให้กับ วัตกิ้นส์ มากที่สุดในทีม ส่วนนักเตะอย่าง แม็คกินน์, ทาร์เกตต์ และ บาร์คลีย์ ต่างก็ส่งบอลให้กับ กรีลิช มากกว่าคนอื่นๆในทัพ “สิงห์ผยอง”
จากการปรับปรุงการเล่นของ กรีลิช นั้น ทำให้เขากลายเป็นนักเตะเกมรุกที่ได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งได้มากกว่าเดิม และการซัดไป 4 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ก็บ่งบอกถึงพัฒนาการ และคุณภาพของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
แบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่โดน วิลล่า บุกไปเชือดถึงถิ่น 1-0 เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมากล่าวว่า “กรีลิช มีมันสมองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเล่นฟุตบอลอย่างแท้จริง เมื่อเขาได้บอลเขาก็แสดงให้ผมเห็นถึงพรสวรรค์ที่ตัวเองมี”
“เขารู้ดีว่า ควรยืนตรงจุดใดที่เขาจะได้บอลมากที่สุด เขาได้บอลมากกว่าคนอื่นๆในสนามอยู่เสมอ บางทีเขาอาจครองบอลนานกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่เขาก็สร้างประโยชน์ได้ และวิสัยทัศน์การผ่านบอลของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก”
ขณะเดียวกัน พอล สโคลส์ ตำนานกองกลางทีมชาติอังกฤษ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยระบุว่า ตัวเองเคยโดน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือ “ปีศาจแดง” ตำหนิว่า ผ่านบอลมากเกินความจำเป็น และต้องเก็บบอลให้มากกว่าเดิมพร้อมกับหาจังหวะส่งบอลให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
เช่นเดียวกันกับ กรีลิช ที่ไม่ต้องการผ่านบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า แต่เขาจะรอจนกว่าเพื่อนพร้อม และมีโอกาสทำประตู เขาจึงจะผ่านบอลให้เมื่อช่องว่างเหล่านั้นเปิดขึ้นมา ซึ่งก็ได้ผลมาหลายครั้งแล้ว
สไตล์การเล่นของ กรีลิช มีประโยชน์อย่างมากกับทีมชาติอังกฤษ และเขาสามารถเป็นอาวุธสำคัญของทีมได้เหมือนกับในทีม “สิงโตคำราม” ชุดเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2018 ภายใต้การคุมทีมของ เซาต์เกต แต่เวลานี้การเล่นแบบนั้นกลับก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้
เมอร์สัน กล่าวต่อว่า “ในเกมที่แพ้ เดนมาร์ก 0-1 อังกฤษ จำเป็นต้องทำบางอย่างในเกม พวกเขาเหลือผู้เล่น 10 คน และต้องพยายามเอาชนะจากฟรีคิก หรือเตะมุม เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะทำประตูได้ และคุณมีผู้เล่นอย่าง กรีลิช ที่เรียกฟาวล์ได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่เขากลับไม่ได้อยู่ในสนาม”
“เขาเป็นผู้ชนะ และเล่นฟุตบอลด้วยความสนุกสนาม และถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะสามารถเรียกลูกฟรีคิก หรือเตะมุมได้ สำหรับผมแล้วนั่นคือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ และถ้าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมแบบนี้ เขาคงผิดหวังมากกับทักษะที่ตัวเองมี”
ทักษะของ กรีลิช โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่บางทีนั่นอาจเป็นปัญหา เขาเป็นนักเตะตัวรุกที่แตกต่างกับคนอื่นๆในทีมชาติอังกฤษอย่างชัดเจน และเป็นนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางของ เซาธ์เกต แต่มิดฟิลด์ วิลล่า ก็สามารถสร้างความมหัศจรรย์ได้ตลอดเวลา
เมอร์สัน กล่าวว่า “มันเป็นความคิดที่อันตรายสำหรับ เซาธ์เกต เพราะ กรีลิช เป็นนักเตะที่มีความสามารถ แต่เขาได้เล่นกับทีมชาติอังกฤษน้อยมาก ถ้าเขาทำผลงานได้ดี เขาก็ควรได้รับโอกาสลงสนาม มันเป็นทางเลือกที่ยากของ เซาธ์เกต ในการเลือกเขาเข้าสู่ทีม”
“ผมไม่คิดว่า เขาจะได้เข้าสู่ทีมตัวจริงในเร็วๆนี้ ไม่ใช่เพราะผมไม่คิดว่า เขาควรจะเป็นตัวจริงได้แล้ว แต่ เซาธ์เกต ยังไม่เห็นว่า เขาจะเหมาะสมสำหรับทีม แจ๊ค กรีลิช เป็นนักเตะที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง และนั่นคือตัวตนของเขา”
เซาต์เกต มีแนวทางในการทำทีมของตัวเองส่วน กรีลิช ก็เป็นนักเตะพรสวรรค์ที่มีความสามารถ แต่เส้นทางของทั้งคู่มันยังเป็นทางขนานที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ซึ่งบางมีมันาจถึงเวลาแล้วที่ เซาต์เกต ต้องเปลี่ยนความคิดของเขาว่า กรีลิช ไม่เข้ากับสไตล์ของ “สิงโตคำราม”