Home Featured เส้นทางสู่มาดริด ของลิเวอร์พูล ทุกประตูสู่นัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018/19

เส้นทางสู่มาดริด ของลิเวอร์พูล ทุกประตูสู่นัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018/19

0
เส้นทางสู่มาดริด ของลิเวอร์พูล ทุกประตูสู่นัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018/19

เส้นทางของลิเวอร์พูล สู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2019 ซึ่งนับเป็นการเข้ารอบชิงฯ 2 ปีติดต่อกัน ของทางด้านหงส์แดง

ลิเวอร์พูลเจองานหนักตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยอยู่ร่วมกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แชมป์ลีกเอิง นาโปลีรองแชมป์กัลโช่ และเรดสตาร์เบลเกรด แชมป์Serbian SuperLiga ซึ่งถือว่า เป็นกลุ่มแห่งความตาย (group of death) ได้เลยทีเดียว

ในรอบแบ่งกลุ่ม ลิเวอร์พูลผลงานลุ่มๆดอนๆ แม้จะเปิดฉากอย่างสวยงาม เมื่อเอาชนะปารีสได้ในบ้าน แต่ก็ไปแพ้นาโปลีที่สนามซานเปาโลสเตเดียม นัดต่อมาเปิดบ้านถล่มเรดสตาร์เบลเกรดได้ถึง 4-0 แต่เมื่อเป็นทีมเยือน กลับไปแพ้อย่างหมดรูป 0-2 จากนั้นก็ยังไปแพ้ปารีส 1-2 ยังดีที่นัดสุดท้าย เฉือนเอาชนะนาโปลีได้ที่แอนฟิลด์ ทำให้มี 9 คะแนนเท่านาโปลี ผลเฮดทูเฮดกับประตูได้เสียก็เท่ากัน(ชนะ 1-0 และ แพ้ 0-1) เดือดร้อนยูฟ่าต้องพลิกตำราดู ปรากฏว่าลิเวอร์พูลทำประตูได้มากกว่า ทำให้ได้เข้ารอบต่อไปแบบทำร้ายจิตใจแฟนทีมนาโปลี

ในรอบน้อคเอ้าท์ ลิเวอร์พูลกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง เมื่อสามารถเอาชนะเสือใต้บาเยินมิวนิค และเอฟซีปอร์โต้ ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่หนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อต้องไปเยือนแชมป์ลาลีกาฤดูกาลล่าสุดอย่างบาร์เซโลนา ลิเวอร์พูลมีโอกาสแต่ขาดความเฉียบคม จึงโดนมนุษย์ต่างดาวลงโทษอย่างไม่ปราณี แพ้ไป 0 ประตูต่อ 3 โดย 1 ในนั้นเป็นลูกฟรีคิกผีจับยัดจากเจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัย จากระยะ 25 หลา ผ่านมืออลิซง เบคเกอร์ ที่คว้าได้แต่ลม เข้าไปอย่างสวยงาม

ถ้าลิเวอร์พูลอยากเข้ารอบ ต้องชนะบาร์เซโลนา ให้ได้อย่างน้อย 4-0 แน่นอนว่า สกอร์นี้น่าจะมีอยู่แค่ในความฝันเท่านั้น การเอาชนะทีมต่างดาวที่กำลังโชว์ฟอร์มได้สุดยอด โดยต้องยิง4ประตู และต้องไม่เสียประตูเลย เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดว่าเป็นไปได้ แต่ลูกทีมของเจอร์เก้นคลอป อาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น 1สัปดาห์หลังจากนั้น ภาพตัดกลับไปที่แอนฟิลด์ หงส์แดงบุกหนักและทำประตูขึ้นนำได้ตั้งแต่นาทีที่ 7 แม้บาร์ซ่าจะบุกขึ้นมาและมีโอกาสทำประตูบ้าง แต่ก็ขาดความเฉียบคม จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลนำ 1 -0 เริ่มครึ่งหลัง จีจี้ ไวนาดุม ถูกเปลี่ยนลงมาแทน แอนดี้ โรเบิรตสัน ที่ได้รับบาดเจ็บ และก็เป็นซุปเปอร์ซับ ซัด2ประตูติดๆกัน ทำให้สกอร์รวมเป็น 3-3 ซึ่งดูจากสกอร์ บาร์ซ่าก็ยังคงได้เปรียบอยู่ เพราะยิงแค่ประตูเดียว ลิเวอร์พูลจะต้องยิงกลับถึง2ประตู แต่โมเมนตัมในสนามไม่เป็นแบบนั้น ผู้เล่นหงส์แดงวิ่งไล่บดบี้แบบไม่เกรงใจศักศรีแชมป์ลาลีกาแม้แต่น้อย รวมทั้งเสียงของแฟนบอลที่กระหึ่มสนามจนนักเตะต่างดาวเล่นกันไม่ออก และในนาทีที่ 79 ในขณะที่นักเตะบาร์ซ่ากำลังสับสน เจ้าหนู เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ก็ฉวยโอกาส เปิดบอลจากมุมให้ ดิวอค โอริกี ซัดบอลเข้าไปแบบง่ายดาย ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 4-0 และชนะไปด้วยสกอร์ในฝัน

หลังจบเกมส์ โม ซาลาห์ที่บาดเจ็บไม่ได้ลงในนัดนี้ ก็ได้เฉลยเคล็ดลับของหงส์แดง คือเสื้อยืดสกรีนคำว่า “Never give up” ซึ่งพวกเขาได้แสดงความไม่ยอมแพ้ให้เห็น จนทำให้หงส์แดงสร้างปาฏิหารย์ได้อีกครั้ง

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้