บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดกลางสัปดาห์ ลงเล่นกันในช่วงดึกของวันพุธที่ 13 มกราคม เวลา 01.00 น. หรือเข้าสู่เช้าวันใหม่ของวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย ณ สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมืองแมนเชสเตอร์ เป็นการวัดฝีเท้ากันระหว่างทีมอันดับที่ 5 “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเหย้ารับการมาเยือนของ “เจ้านกนางนวล” ไบรท์ตัน ทีมอันดับที่ 17 ของตารางคะแนนในปัจจุบัน
เจ้าถิ่น “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขุนพลพันล้านของเทรนเนอร์เนื้อหอม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพิ่งจะตบเท้าผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ และรอบสี่ของศึก เอฟเอ คัพ ในเกมนัดล่าสุดที่เปิดบ้านถล่ม “ตราลูกโลก” เบอร์มิงแฮม ซิตี้ แบบชิลๆ 3-0 ภาพรวมการเล่นยังเป็นเหมือนเดิม คือครองบอลบุกนวดใส่คู่ต่อสู้แบบไม่กลัวใครหน้าไหน สิ่งที่ดีขึ้นจนน่าประทับใจเป็นเรื่องของเกมรับที่เหนียวแน่น หลังพบคู่เซ็นเตอร์ที่เข้าขารู้ใจกันจนยึดตำแหน่งตัวจริงแบบถาวรได้แล้ว สำหรับความพร้อมของทีมในเกมนี้จะอดใช้งาน ฟิลิปป์ แซนด์เลอร์ กองหลังตัวอะไหล่ที่เข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บที่เข่า รวมไปถึง เฟร์ราน ตอร์เรส, เอแดร์ซอน, สก็อตต์ คาร์สัน, โคล พัลเมอร์, เซรคิโอ อเกวโร่ และ เอริค การ์เซีย ที่ต้องกักตัวเพราะติดเชื้อโควิด-19 ข่าวดีคือผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง เอแดร์ซอน กลับมาร่วมซ้อมกับทีมได้แล้วหลังพ้นกำหนดกักตัว แน่นอนว่าสตาร์ฟอร์มร้อนที่สุดของทีมชั่วโมงนี้คงหนีไม่พ้น เควิน เดอ บรอยน์ ที่คืนฟอร์มสุดยอดเพลย์เมคเกอร์ได้แบบไร้ข้อกังขา
อาคันตุกะ “เจ้านกนางนวล” ไบรท์ตัน เหล่านักเตะของ เกรแฮม พอตเตอร์ เพิ่งจะผ่านเข้ารอบในศึก เอฟเอ คัพ แบบกระเสือกกระสนสุดๆ หลังทำได้แค่บุกเสมอทีมรองบ่อน นิวพอร์ต เคาน์ตี้ แบบลากยาวต่อเวลาเต็ม 120 นาที 1-1 ก่อนที่จะเอาชนะในการดวลจุดโทษไปแบบระทึกขวัญ 4-3 แม้ว่าจะจัดตัวเป็นชุดผสมแต่ต้องยอมรับตามตรงว่ายังทำได้ไม่ดีพอ เนื่องจากยังมีตัวหลักลงประคองทีมกว่าครึ่ง หากมองให้ชัดลงไปจะเห็นว่าความผิดพลาดส่วนบุคคลนั้นทำให้ทีมต้องเจอกับสถานการณ์อันยากลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่า การปรับมาเล่นแบบบอลเท้าสู่เท้าทำได้เนียนตามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจุดบอดที่จำเป็นต้องแก้ไขโดยด่วนหนีไม่พ้นเกมรับที่รั่วเป็นกะละมังแตก สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้สมบูรณ์พร้อมสรรพ ไร้ตัวเจ็บหรือติดโทษแบนแม้แต่รายเดียว ทุกคนพร้อมเป็นตัวเลือกในการบุกเยือนเมืองแมนเกมนี้ได้ทั้งหมด โดยสตาร์ที่ต้องฝากความหวังไว้ในเกมนี้ขอชี้เป้าไปที่ ซอลลี่ มาร์ช ปีกตัวพริ้วที่เพิ่งยิงให้กับทีมมาสดๆ ร้อนๆ
วิเคราะห์ก่อนเกม เกมนี้เมื่อย้อนไปดูเรื่องสถิติจะรู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นเป็นต่อกว่าแบบทุกประตูเพราะกวาดชัยได้ในการปะทะกับ เจ้านกนางนวล หกนัดติดต่อกันแล้วทุกรายการ นับว่าเป็นบอลที่แพ้ทางกันเหมือนงูเหลือมกับเชือกกล้วย สไตล์การเล่นของอาคันตุกะมีความคล้ายคลึงกับเจ้าถิ่นอยู่เล็กๆ พยายามปรับเปลี่ยนมาเล่นเน้นการต่อบอล แต่ด้วยศักยภาพผู้เล่นที่มีอยู่นั้นต้องยอมรับตามตรงว่าเป็นรองด้านคุณภาพกันแบบสุดกู่ ยิ่งในแนวรับนั้นยังมีจังหวะที่ยืนตำแหน่งกันเหม่อลอยจนปล่อยให้คู่แข่งเปิดช่องเจาะกันจนชินตา ทางฝั่งเจ้าบ้าน เรือใบสีฟ้า ขุนพลแต่ละคนที่ใช้งานได้กำลังกระหายชัยชนะแบบสุดๆ เล่นได้อย่างมั่นใจสอดประสานกันแบบลงตัวสุดๆ บรรยากาศภายในทีมดีขึ้นกว่าช่วงต้นฤดูกาลแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แนวรุกที่ได้กองหน้าตัวเป้าธรรมชาติกลับมาทำให้ระบบการเล่นแทบจะสมบูรณ์แบบตามที่ เป๊ป วาดฝันเอาไว้ ขอแค่รักษามาตรฐานเอาไว้ได้แบบยาวๆ มีโอกาสสูงที่จะกลับมาเป็นแคนดิเดตลุ้นแชมป์อีกครั้ง มองทุกเหลี่ยมทุกมุมแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่ทาง ไบรท์ตัน จะบุกมาเก็บแต้มได้ถึงเมืองแมนเชสเตอร์ยิ่งในสภาพที่นักเตะล้าหลังผ่านเกมบอลถ้วยแบบเล่นเต็มเวลา 120 นาทีมาแบบรากเลือด ท้ายที่สุดคงพ่ายด้วยคุณภาพทีมไปแบบหลุดลุ่ยไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : แซค สเตฟเฟน (GK) – ชูเอา คานเซโล่, รูเบน ดิอาส, จอห์น สโตนส์, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน – ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เฆซุส, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ไบรท์ตัน (3-4-1-2) : แม็ทธิว ไรอัน (GK) – อดัม เว็บสเตอร์, เลวิส ดังค์, แดน เบิร์น – โยเอล เวล์ทมัน, เบน ไวท์, อีฟส์ บิสซูม่า, ซอลลี่ มาร์ช – เลอันโดร ทรอสซาร์ – นีล โมเปย์, อารอน คอนเนลลี่
ผลสกอร์ที่คาด : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 – 0 ไบรท์ตัน