บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/21 โปรแกรมการแข่งขันสัปดาห์ที่ 27 เป็นการแข่งขันคู่บิ๊กแมตช์ของกลางสัปดาห์นี้ โดยเกมนี้จะเป็นการดวลแข้งกันระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังเหย้า แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของทีมดังจากเมืองหลวง “สิงห์โตน้ำเงินคราม” เชลซี โดยทั้งสองทีมจะลงสนามปะทะฝีเท้ากันในช่วงดึกของคืนวันพฤหัสบกีที่ 4 มีนาคม เวลา 03.15 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้ามืดของวันศุกร์ที่ 5 มีนาคม ตามเวลาประเทศไทย ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ
เริ่มกันที่ฝั่งเจ้าถิ่น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เกมล่าสุดสามารถปลดล็อคกลับมาคว้าชัยชนะได้อีกครั้งในลีกรอบ 5 เกมหลังด้วยการบุกไปบดเอาชนะทีมบ๊วยของลีก “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 ทำให้มีเพิ่มขึ้นมาเป็น 43 คะแนนจากการลงสนาม 26 เกม โอกาสที่จะได้มีลุ้นกลับไปเล่นฟุตบอลรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปีหน้ายังคงเปิดกว้างเนื่องจากคะแนนที่เก็บมาได้นั้นห่างกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 ของลีกเพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น โดยในช่วงนี้ทีมแชมป์เก่าเริ่มจะฟื้นอาการไข้ขึ้นมาได้บ้าง เมื่อผู้เล่นที่บาดเจ็บหนักไปก่อนหน้านี้บางคนสามารถกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ทันเวลาทั้ง นาบี เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์, ฟาบินโญ่ และ ดิโอโก้ โชต้า รวมไปถึง อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารมือหนึ่งของทีมที่ได้หยุดแข่งไปหนึ่งเกมนัดที่ผ่านมาเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจหลังสูญเสียพ่อบังเกิดเกล้าไป แต่เจ้าหงส์แดงก็ยังขาดผู้เล่นอยู่อีกถึง 4 รายทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โจเอล มาติป และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งทั้งหมดต่างเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมทั้งสิ้น โดยทั้งหมดที่บาดเจ็บอยู่ต่างต้องพักรักษาตัวไปอีกยาวๆ มีโอกาสไม่น้อยที่จะไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาพวกเขาบนสนามแข่งอีกแล้วในฤดูกาลนี้
ทางด้านผู้มาเยือน “สิงห์โตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่คุมทัพโดย โธมัส ทูเคิ่ล โดยนายใหญ่ชาวเยอรมันได้มีโอกาสโชว์ฝีมือการคุมทัพสิงบลูส์ไปแล้ว 9 เกม ซึ่งผลงานที่ทำเอาไว้ถือว่าสอบผ่านแบบฉลุยเมื่อทีมดังจากลอนดอนยังไม่พลาดท่าพ่ายแพ้ให้กับผู้ใดเลยสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้ถึง 7 เกมและเสมออีก 2 เกม เท่านั้นยังไม่พอทีมที่มีปัญหาหลังรั่วอย่างหนักมากว่าครึ่งฤดูกาลกลับมีแนวรับที่เหนียวแน่นขึ้นมาแบบไม่น่าเชื่อสามารถเก็บคลีนชีทมาได้ถึง 7 เกมและเสียไปทั้งหมด 2 ประตูเท่านั้น ด้านฟอร์มการเล่นนัดล่าสุดของทีมก็ถือว่ายังทำได้น่าพอใจด้วยการเปิดบ้านแบ่งคะแนนจากทีมสุดแกร่ง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 จากผลงานที่พุ่งขึ้นมาส่งผลให้พวกเขาขยับเข้าใกล้โซนท็อปโฟร์มากขึ้นเรื่อยๆ รั้งอยู่อันดับที่ 5 ของลีกในเวลานี้ โดยที่มีคะแนนตามหลังทีมอันดับ 4 อยู่เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น ทางด้านสภาพความพร้อมของทีมเป็นเรื่องที่ ทูเคิ่ล ต้องปวดหัวไม่น้อย กับการจัดตัวผู้เล่นลงสนาม เมื่อจากรายงานยังไม่มีแข้งคนใดของทีมที่มีปัญหาเลยแม้แต่รายเดียว ดูแล้วขุมกำลังของผู้มาเยือนครบครันสุดๆ จะมีเรื่องให้ต้องลุ้นเพียงเล็กน้อยคือ ติอาโก้ ซิลวา ปราการหลังตัวเก๋าของทีมที่หายจากอาการบาดเจ็บมาแล้วจะเรียกความฟิตกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ทันหรือไม่เท่านั้นเอง
วิเคราะห์ก่อนเกม สถิติการลงสนามเจอกันของคู่นี้ในช่วง 6 เกมหลังสุดเป็นทาง หงส์แดง ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนสามารถเก็บชัยชนะมาได้ถึง 5 เกมและพลาดแพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น แต่ฟอร์มการเล่นปัจจุบันสุ่มเสี่ยงเหลือเกินที่เจ้าบ้านจะต้องเจอกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง โดยเกมที่ผ่านมากลับมาอาจจะเก็บชัยชนะเรียกความมั่นใจกลับมาได้บ้างก็จริง ทว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรนักเนื่องจากคู่แข่งเป็นทีมบ๊วยของลีกที่แทบเอาชนะใครไม่ได้เลยตลอดทั้งฤดูกาล เกมนี้แม้เจ้าบ้านเริ่มกลับมาได้ผู้เล่นตัวเก่งคืนสนามหลายคน แต่ปัญหาหลักของทีมยังไม่ใกล้เคียงที่จะแก้ไขได้เลย ผู้เล่นในตำแหน่งคู่หูเซ็นเตอร์แบ็คที่ต้องหันมาใช้บริการ นาธาเนียล ฟิลลิปส์, โอซาน คาบัค ซึ่งจากฟอร์มการเล่นทั้งสองรายเป็นได้เพียงผู้เล่นที่ใช้แก้ขัดเท่านั้นเพราะยังมีข้อผิดพลาดส่วนตัวอยู่มาก มีจุดอ่อนทั้งเรื่องความเร็วและประสบการณ์ จึงมองว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะป้องกันประตูจากแนวรุกอันรวดเร็วของทางผู้มาเยือนได้ ยิ่งไปกว่านั้น เชลซี ในเวลานี้กำลังลงสนามด้วยความมั่นใจเหลือเกิน แนวรับแกร่งสุดๆ ด้านเกมรุกก็ยังมีคุณภาพอยู่ในระดับสูง แม้ความเข้าขากันในการประสานงานเข้าไปทำประตูจะยังมีไม่มากนัก แต่ทีมก็เล่นเข้าขากันได้มากขึ้นเรื่อยๆ จากสถานการณ์ในเวลานี้เชื่อว่าทางผู้มาเยือนพร้อมมาเล่นเกมรุกแลกหมัดกับเจ้าบ้าน โดยทางแดนหน้าทั้งสองทีมถือว่ายังคงมีความอันตรายพอๆ กัน แต่เมื่อไปมองทางหลังบ้านช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เรื่องความถึกทนของลิเวอร์พูลที่คางอ่อนปวกเปียกพร้อมจะโดนหมัดน็อคได้ตลอดเวลา มีโอกาสสูงมากที่จะโดนบดจนทนไม่ไหวแตกพ่ายไปเอง เกมนี้สงสัยแชมป์เก่าจะได้คาบ้านอีกครั้ง หลังไม่สามารถเก็บชัยในถิ่นแอนฟิลด์มาได้เลยตลอด 6 เกมหลังสุด
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK) – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, โอซาน คาบัค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ติอาโก้, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่
เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ด เมนดี้ (GK) – เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ – คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มัตเตโอ โควาซิซ, เบน ชิลเวลล์ – เมสัน เมาท์, ติโม แวร์เนอร์ – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
ผลสกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 1 – 2 เชลซี