การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มจี นัดแรก ในคู่ระหว่าง ทีมชาติอินโดนีเซีย ปะทะ ทีมชาติไทย โดยในนัดนี้ทีมชาติไทยต้องมาพบกับมหามิตรอินโดอันเป็นที่รัก ฟุตบอลนัดนี้จะทำการแข่งขันกันในวันอังคารที่ 10 กันยายน เวลา 19.30 น. ที่สนามเกโลรา บุง การ์โน หรืออีกชื่อทีมแฟนฟุตบอลไทยเก่าๆจะคุ้นหูกันในชื่อ “สนามเสนายัน”
ทีมชาติอินโดนีเซีย ในการลงแข่งขันรอบคัดเลือกครั้งที่แล้ว ถูกจับมาอยู่กลุ่มเดียวกับทีมชาติไทยเหมือนกับในครั้งนี้ แต่ถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) แบนออกจากการแข่งขัน หลังมีปัญหาเกี่ยวกับการละเมิดธรรมนูญฟีฟ่า ส่วนในครั้งนี้ลงเล่นนัดแรก เปิดบ้านแพ้ให้กับ มาเลเซีย 2-3 หลังเกมมีปัญหาแฟนบอลทะเลาะวิวาท แต่เบื้องต้นฟีฟ่ายังไม่สั่งลงโทษอะไรในเกมที่จะพบไทย ทีมชาติอินโดนีเซียหลังๆ ไม่ได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องแบบเป็นทางการซักเท่าไหร่ ดังนั้นการเล่นทีมชาติแบบเป็นทางการของนักเตะชุดนี้จะดูน้อยถ้าเทียบกับทีมอื่นๆ ทีมอินโดนีเซียชุดนี้นำโดย เบโต้ ศูนย์หน้าโอนสัญชาติชาวบราซิลวัย 38 ปีที่ยิงไป 2 ประตูในนัดที่เจอกับมาเลเซีย มีสถิติลงเล่นให้ทีมชาติอินโดนีเซีย 9 นัด ทำได้ 10 ประตู
ทีมชาติไทยหลังจากเปิดสนามรายการฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย ได้เพียงแค่เสมอกับเวียดนามไปแบบไม่มีสกอร์ นัดนี้จะไม่มีฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และพีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่ได้รับอาการบาดเจ็บจากในเกมกับเวียดนาม โดยได้มีการเรียกตัว พัชรพล อินทนี กองกลางจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ แนวรุกจากทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เข้ามาแทน ส่วนคนอื่นๆยังอยู่ครบ นำทีมโดย เมสซี่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ สุภโชค สารชาติ แมนออฟเดอะแมตช์จากเกม ไทย-เวียดนาม
สนามเสนายัน อาจจะเป็นคำอธิบายของคำว่า “นรกทีมเยือน” ได้ดีที่สุด หากใครที่เป็นแฟนบอลไทยรุ่นเก่าๆหน่อยน่าจะจำชื่อนี้ได้ดี ทีมชาติไทยเราพลาดสามคะแนนอย่างน่าเจ็บใจในนัดแรก ในนัดนี้อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทยมีเวลาปรับทีมเพิ่มมากขึ้นอีกนิดนึง แต่ด้วยสไตล์การเล่นของอินโดนีเซีย ไม่ใช่สไตล์รับรอสวนเหมือนอย่างเวียดนามในยุคปัจจุบัน น่าจะมีโอกาสให้ทีมชาติไทยทำประตูได้ง่ายกว่านัดแรกที่เราเจอกับเวียดนาม ยังเชื่อว่าไทยน่าจะสามารถทำประตูและเอาชนะไปได้