วิเคราะห์บอล ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2019-2020 รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งปีนี้จะเป็นการพบกันของสองราชาฟุตบอลจากสองประเทศอย่าง “เปแอสเช” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เจ้าของแชมป์ทุกรายการจากฝรั่งเศส พบกับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค จ้าวแห่งฟุตบอลเยอรมันตลอดกาล โดยเกมการแข่งขันฟุตบอลนัดนี้ จะลงเล่นกันในช่วงดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม เวลา 02.00 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม ตามเวลาประเทศไทย และจะมีการเปลี่ยนมาใช้สนาม อิชตาดีอูดาลุช กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส สนามเหย้าของทาง เบนฟิก้า แทนที่สนามเดิมอย่าง อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม ที่จะเลื่อนไปจัดในนัดชิงฤดูกาลหน้าแทน สามารถรับชมได้พร้อมกันทาง Youtube Channel DAZN Thailand เช่นเดิม

เริ่มจากทางฝั่ง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กันก่อน ฤดูกาลนี้ทาง เปแอสเช ถือว่าทำผลงานได้สมกับที่หลายคนคาดหวัง โดยคว้าแชมป์ภายในประเทศได้หมดทั้ง 4 รายการ แม้เกมลีกเอิง ฝรั่งเศส จะมีการตัดจบไปหลายเดือนก่อนหน้านี้จากปัญหา COVID-19 ก็ตาม แต่ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้ทางยอดทีมจากเมืองแห่งความโรแมนติก คว้าแชมป์ไปได้ด้วยผลงาน ชนะ 22 เสมอ 2 แพ้ 3 จาก 27 เกม เฉลี่ยแล้วเก็บได้นัดละ 2.52 คะแนน ส่วนด้านผลงานในรายการนี้ รอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาทำลผงาน ชนะ 5 เสมอ 1 ผ่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มเอ ซึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แซงเอาชนะ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยการแพ้ในเกมแรก 1-2 ก่อนที่จะกลับมาเปิดบ้านเอาชนะไป 2-0 ส่วนตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศ ปรับมาแข่งแบบนัดเดียวรู้ผล เริ่มจากการเอาแซงเอาชนะ “เทพธิดา” อตาลันต้า แบบสุดดราม่า 2-1 จากสองประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และล่าสุดตบม้ามืดสุดแกร่งอย่าง “เดอะ เร้ดบูลส์” แอร์เบ ไลป์ซิก ไป 3-0 สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร แถมนัดนี้ความพร้อมในทีมถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ อาจจะต้องมีลุ้นแค่ในรายของ เคย์เลอร์ นาบาส ผู้รักษาประตูตัวยืม ที่เคยคว้าแชมป์ได้สามครั้งสามครากับ เรอัล มาดริด ซึ่งหากทาง นาบาส ไม่สามารถลงเฝ้าเสาในนัดนี้ได้ ก็จะเป็นโอกาสของ เซร์คิโอ รีโก้ มือกาวชาวสแปนิช ที่ได้โอกาสลงเฝ้าเสาในรอบรองชนะเลิศที่ผ่านมา ส่วนทาง เนย์มาร์ ซุปตาร์พันล้านชาวบราซิเลี่ยน ที่เกมล่าสุดดันไปแหกกฎแลกเสื้อกับคู่แข่ง รอดจากการถูกแบนจากทางยูฟ่าเรียบร้อยแล้ว สามารถลงสตาร์ทในเกมนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา

มาทางด้าน บาเยิร์น มิวนิค เจ้าของแชมป์ 5 สมัยกันบ้าง เชื่อว่าทุกคนคงทราบกันทั่วแล้ว ว่า เสือใต้ ในฤดูกาลนี้ร้อนแรงดั่งไฟเยอร์ ยิ่งตั้งแต่ทาง ฮันส์-ดีเตอร์ ฟลิค อดีตมือขวาของ นิโก้ โควัช เข้ามาทำหน้าที่กุนซือชั่วคราว ทางยอดทีมจากแคว้าบาวาเรียทำผลงาน ชนะ 32 นัด เสมอ 1 และแพ้เพียง 2 นัด ยิงคู่แข่งได้ถึง 115 ประตู เสียไปเพียง 26 ประตูเท่านั้น จนปัจจุบันได้รับสัญญาคุมทีมถาวรไปจนถึงปี 2023 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยิ่งผลงานในปีปฏิทิน 2020 ยังไม่แพ้ให้กับหน้าไหนเลยแม้แต่นัดเดียว แถมเกมอย่างเป็นทางการ 20 นัดล่าสุดชนะรวด เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทาน ด้านผลงานในเกมบุนเดสลีกา เยอรมัน สามารถความแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน รวมถึงฟุตบอลถ้วยอย่าง เดเอฟเบ โพคาล อีกหนึ่งรายการ ส่วนผลงานในรายการนี้ พวกเขาชนะมาทุกนัดลงที่ลงแข่งขัน เริ่มจากรอบแบ่งกลุ่ม เก็บชัยได้ทั้งหมด 6 นัด คว้า 18 แต้มเต็ม เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มบี ต่อด้วยรอบรอบน็อคเอ้าท์ เริ่มจากถล่ม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 3-0 และ 4-1 ตามลำดับ หลังจากนั้น ในรอบ 8 ทีม เล่นแบบนัดเดียวจบ ถล่มเอาชนะ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า 8-2 จนยอดทีมต่างดาวจากแคว้นกาตาลุญญา ต้องดิ้นรนเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของทีมขนานใหญ่ และในนัดล่าสุดยังรักษาความยอดเยี่ยม เอาชนะ “โอแอล” ลียง ลงเป็นยิง 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 11 ของตัวเอง เตรียมลุ้นแชมป์สมัยที่ 6 ของตัวเอง ด้วยสภาพทีมที่เรียกได้ว่าพร้อมสุดๆ ไม่แพ้กัน ไม่มีนักเตะคนใดได้รับบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเลยแม้แต่รายเดียว

วิเคราะห์ก่อนเกม ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย กับความปั่นป่วนของโลกที่เกิดจากโรคระบาดรุนแรงจนส่งผลไปกับทุกภาคส่วนไม่เว้นแม้กระทั่งในโลกของกีฬา ที่ปกติแล้วนัดชิงชนะเลิศของรายการนี้จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงช่วงต้นเดือนมิถุนายนเท่านั้น แต่นั่นก็อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมจากลีกที่หลายคนค่อนขอดอย่าง ลีกเอิง และ บุนเดสลีกา ผ่านเข้ามากลายเป็น 4 ทีมสุดท้ายในรายการนี้ และรอบชิงชนะเลิศก็กลายเป็นสองทีมที่ดีที่สุดจากสองลีกที่ว่ามาอีกด้วย นั่นอาจจะเป็นผลมาจากที่ทางเกมลีกของฝรั่งเศสหยุดมาตั้งแต่เดือนมีนาคมและประกาศตัดจบกันอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน ส่วนเกมลีกของทางเยอรมันนั้นกลับมาแข่งก่อนเพื่อนในเดือนพฤษภาคมและแข่งจบไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ทำให้ความฟิตของทีมจากทั้งสองลีกดูจะพร้อมกว่าทางลีกอื่นๆ อยู่พอสมควร ดังนั้นเกมคู่นี้จึงถือว่าเป็นมวยถูกคู่ที่สุด ด้านคุณภาพของทางผู้เล่นถือว่าทั้งสองทีมไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันมากเท่าไหร่ เนื่องจากทั้งสองทีมเต็มไปด้วยผู้เล่นชื่อดังและอยู่ในวัยที่กำลังพร้อมสุดๆ ด้วยกันทั้งคู่ เรื่องประสบการณ์ของกุนซือก็เรียกได้ว่าเป็นนัดเปิดซิงของนัดชิงยูซีแอลด้วยกันทั้งคู่อีก ยิ่งสไตล์การเล่นเป็นทีมที่เน้นบุกยิงคู่แข่งกระจุยกระจายและมีจุดอ่อนอยู่ที่เกมรับด้วยกันทั้งคู่ ความต่างอาจจะมีเรื่องของฟอร์มการเล่น ที่หากเทียบกันในช่วงหลัง ทาง เสือใต้ ดูจะเหนือกว่าทาง เปแอสเช อยู่บ้าง ยิ่งความมั่นใจของทีมหลังจากถลุงยอดทีมอย่าง บาร์เซโลน่า ไป 8-2 ยิ่งกลายเป็นแรงส่งให้ทาง บาเยิร์น มิวนิค เล่นได้อย่างเฉียบคมในทุกๆ จังหวะ แต่ความหวังที่ทาง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เป็นครั้งแรกของตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่มี ยิ่งเกมนี้น่าจะได้ตัวคุมจังหวะอย่าง มาร์โก แวร์รัตติ กลับมาลงเล่น รวมถึงความมหัศจรรย์ของแนวรุกอย่าง เนย์มาร์, เอ็มบัปเป้ และ ดิ มาเรีย ที่พร้อมจะทำสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผลของฟุตบอลนัดนี้จึงสามารถออกได้ทั้งสามหน้า และอยากให้แฟนบอลฟุตบอลสนุกกับฟุตบอลนัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฤดูกาลนี้ มากกว่าการคาดเดาผลการแข่งขันในเกมที่เหตุการณ์ไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ผู้เล่นที่คาดว่าจะสนาม

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (4-3-3) : เซร์คิโอ รีโก้ (GK) – ธิโล่ เคห์เรอร์, ติอาโก้ ซิลวา, เพรสแนล คิมเพมเบ้, ฆวน เบร์นาต – อันเดร เอร์เรร่า, มาควินญอส, เลอันโดร ปาเรเดส – อังเคล ดิ มาเรีย, คีเลียน เอ็มบัปเป้, เนย์มาร์

บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ (GK) – โยชัว คิมมิช, เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา, อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์ – ติอาโก้, เลออน โกเร็ตซ์ก้า – เซิร์จ นาบรี้, โธมัส มุลเลอร์, อิวาน เปริซิช – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ผลสกอร์ที่คาด : ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1 – 3 บาเยิร์น มิวนิค