บทวิเคราะห์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เกมการแข่งขันในกลุ่มบี เกมนี้เป็นอีกหนึ่งคู่ไฮไลท์ประจำนัดสุดท้ายของฤดูกาลนี้ เมื่อ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ทีมอันดับที่ 3 ของกลุ่มจะเปิดบ้านทำศึกชิงตั๋วผ่านเข้าสู้รอบน็อคเอาท์กับทีมจ่าฝูงของกลุ่มอย่าง “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค โดยเกมนัดนี้มีคิวจะลงสนามกันในช่วงดึกของคืนวันพุธที่ 9 ธันวาคม เวลา 03.00 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ กรุงมาดริด ประเทศสเปน
“หากสนใจบทวิเคราะห์คู่อื่นเพิ่มเติม ทุกท่านสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ 168kick.com”
“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เจ้าบ้าน ลูกทีมของ ซีเนดีน ซีดาน กำลังเจอกับความกดดันสุดๆ ในฤดูกาลนี้ เมื่อทรงบอลของทีมดูจะไม่ค่อยประทับใจสาวกซักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะฟอร์มการเล่น 6 เกมหลังสุดในทุกรายการถือว่าน่าผิดหวัง เก็บชัยมาได้เพียง 2 เกม เสมอ 2 เกม และแพ้ไปถึง 3 เกม ยังดีที่เกมล่าสุดที่ลงสนามในลีกบุกไปเฉือนเอาชนะ เซบีย่า มาได้ 1-0 ทำให้คลายความกดดันลงไปได้บ้าง ส่วนผลงานในเวทียุโรปนัดหลังสุดบุกไปพ่ายให้กับ ชักตาร์ โดเน็ตส์ก แบบหมดสภาพ 0-2 จากการไม่มีคะแนนในเกมดังกล่าว ทำให้ทัพราชันชุดขาวต้องหล่นลงมาอยู่อันดับที่ 3 ของกลุ่ม ณ เวลานี้ จากการมีอยู่เพียง 7 คะแนนเท่านั้น โอกาสที่คอบอลจะได้เห็นภาพยอดทีมจากกรุงมาดริดหายหน้าจากรายการนี้ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มมีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย สำหรับความพร้อมของ มาดริด ก่อนจะลงสนามในเกมนี้ได้ข่าวดีว่า เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังตัวแบกทีมจะหายกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ ส่วนผู้เล่นที่ลงสนามเกมนี้ไม่ได้แน่นอนมีอยู่ 3 รายคือ ดาเนียล การ์บาฆัล, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ และ เอแดน ฮาซาร์
ด้าน “สิงห์หนุ่ม” โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ภายใต้การนำทัพของกุนซือไฟแรง มาร์โค โรเซอร์ ทำผลงานในเวทียุโรปได้ดีเกินคาดในกลุ่มที่เต็มไปด้วยทีมสุดแกร่ง ด้วยสไตล์การเล่นเกมรุกอันดุดันพาพวกเขาทะยานขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงของลีกอยู่ในเวลานี้ เมื่อ 5 เกมที่ลงสนามเก็บชับมาได้ 2 เกม เสมอ 2 เกม และในเกมนัดล่าสุดน่าเสียดายที่เปิดบ้านแพ้ให้กับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน มาแบบน่าเสียดาย 2-3 ทำให้ยังต้องมาลุ้นหนักจนถึงนัดสุดท้ายนี้ ทางด้านผลงานในลีกบุนเดสลีกา ดูจะฟอร์มดรอปลงมาหาชัยชนะไม่ค่อยเจอในช่วงหลัง นัดล่าสุดที่ลงสนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาดูจะใจลอยมาอยู่ที่เกมนี้หมดแล้ว ทำให้เก็บเพิ่มมาได้แค่แต้มเดียวจากการบุกไปเจ๊า ไฟร์บวร์ก 2-2 พูดถึงผลงานในช่วงหลังไปแล้ว มากันที่สภาพความพร้อมล่าสุดของทัพเจ้าสิงห์หนุ่มกันบ้าง เกมนี้ผู้มาเยือนจากเมืองเบียร์จะขาด นิโค เอลเวดี้ และ โยนาส โฮฟมันน์ ที่มีปัญหาด้านอาการบาดเจ็บ ส่วน รามี่ เบนเซไบนี่ แบ็คซ้ายตัวเก่งของทีมโชคร้ายโดนตรวจพบเชื้อโคโรน่าไวรัสลงสนามช่วยทีมในเกมนี้ไม่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามผู้เล่นในแดนหน้ายังอยู่กันค่อนข้างครบ นำทีพมาโดย ลาร์ส สตินเดิล กองหน้ากัปตันทีมตัวเก๋าที่ซัดไปแล้ว 4 ประตูในลีกฤดูกาลนี้
วิเคราะห์ก่อนเกม เกมแรกที่คู่นี้เจอกันจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไปแบบสนุก 2-2 โดยหากว่ากันถึงชื่อชั้นของทีมยังไงเจ้าของแชมป์ยุโรปมากที่สุดในโลกลูกหนังอย่าง เรอัล มาดริด ต้องดูเหนือกว่าอย่างแน่นอน แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องในอดีต เมื่อปัจจุบันไม่ได้หวานชื่นเหมือนเคย ทีมราชัน ดูจะมีปัญหาไปทั่วทั้งทีม ด้านเกมรุกยังหาใครที่ฝากความหวังไว้ไม่ได้เลย โดยตอนนี้ต้องหันหน้าไปพึ่งกองหน้าF1อย่าง เบนเซม่า ที่ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องการจบสกอร์ ทำให้ตลอด 6 เกมหลังสุดทุกรายการไม่มีเกมไหนเลนที่พวกเขายังได้มากกว่า 1 ประตู ด้านแดนกลางนักเตะตัวเก่งก็เริ่มเข้าสู่วัยโรยราไม่ได้แกร่งเหมือนเดิมอีกแล้ว ส่วนเกมรับก็อาการหนักเสียประตูง่ายๆ มาตลอดในซีซั่นนี้ ยิ่งช่วงที่ไม่มีกัปปิตันรามอส ลงคุมงาน ยิ่งโชว์ความเฟอะฟะแจกจุดโทษให้คู่แข่งกันรัวๆ ส่วน กลัดบัค ผลงานในรายการยุโรป ลงสนามไป 5 เกม กรำหน่ำตาข่ายคู่แข่งไปแล้ว 16 ประตู แสดงให้เห็นถึงผลงานแนวรุกอันดุดัน แต่สิ่งที่ต้องแลกมาแบบเสียไม่ได้คือแนวรับที่รั่วยิ่งกว่าท่อซึม เสียประตูแทบทุกเกมเช่นกัน นัดนี้เชื่อว่าทั้งสองทีมจะแลกหมัดกันอย่างสนุก ด้วยสถานการณ์บนตารางคะแนนที่บีบบังคับจะทำให้เจ้าหย้าต้องเดินหน้าบุกอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนผู้มาเยือนก็จะมาเล่นเกมตั้งรับตามฟอร์ม แต่จากสไตล์ที่ชอบการทำประตูเจ้าสิงห์หนุ่มก็พร้อมจะออกหมัดสวนกลับอยู่ตลอดเวลา แม้ประสบการณ์ของ มาดริด จะเหนือกว่า แต่เกมนี้ขอเชื่อเรื่องความมั่นใจ และความสดใหม่ ว่าจะพา โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค มีคะแนนออกมาจากเมืองหลวงของประเทศสเปน พร้อมกับเหตุการณ์ที่หาได้ยากส่งทัพราชันชุดขาวกระเด็นตกรอบออกจากรายการนี้ไปตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เรอัล มาดริด (4-2-3-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ (GK) – ลูกัส บาสเกซ, ราฟาเอล วาราน, นาโช่, มาร์เซโล่ – คาเซมิโร่, โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช – มาร์โก อเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์
โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค (4-2-3-1) : ยานน์ ซอมเมอร์ (GK) – วาเรนติโน่ ลาซาโร่, มัตธิอัส กินเทอร์, โทนี่ ยันท์ชเค่อ, ออสการ์ เวนด์ท – เดนิส ซาคาเรีย, ฟลอเรียน นอยเฮาส์ – พาทริค แฮร์มันน์, เบรล เอ็มโบโล่, มาร์คุส ตูราม – อลาสซาเน่ เพลอา
ผลสกอร์ที่คาด : เรอัล มาดริด 2 – 2 โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค