“เดลี่ย์เมล์” สื่อชื่อดังจากประเทศอังกฤษ รายงานข่าวว่า “ไมค์ ไรลี่ย์” หัวหน้าสมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศอังกฤษ ยอมรับว่า การใช้เทคโนโลยี “VAR” เข้ามาช่วยตัดสินในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ เกิดความผิดพลาดถึง 4 ครั้งในเหตุการณ์สำคัญ ที่กรรมการตัดสินได้ถูกต้องแล้วต้องกลับคำตัดสินอีกครั้งหลังเข้าประชุมร่วมกับผู้จัดการทีม และผู้ถือหุ้นของสโมสรลีกอังกฤษ พร้อมวอนแฟนบอลให้เวลากับระบบมากกว่านี้
สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่ถูกยกมากล่าวถึงความผิดพลาดของ VAR ในการประชุมดังกล่าว คือ ประตูชัยที่น่าจะได้ของ โซคราติส กองหลังจากสโมสรอาร์เซน่อลในนัดที่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 2-2 ที่ มาร์ติน แอตกินกัน ผู้ตัดสินให้เป็นประตูไปแล้ว แต่ถูก VAR กลับคำตัดสิน
ต่อมาเป็นกรณีของ ไมเคิ่ล คีน กองหลังจากสโมสรเอฟเวอร์ตันที่เข้าสกัด อารอน คอนนอลลี่ กองหน้าของสโมสรไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ที่ผู้ตัดสินปล่อยให้เป็นจังหวะเล่นต่อไปแล้ว ก่อนถูก VAR กลับคำตัดสินย้อนมาให้เป็นลูกจุดโทษ ซึ่งกลายเป็นประตูชัยให้กับ เจ้านกนางนวล ด้วยสกอร์ 3-2 ส่วนที่เหลืออีกสองเหตุการณ์เป็นกรณีการที่ VAR กลับคำตัดสินให้ลูกจุดโทษกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมที่เจอกับ นอริช ซิตี้ และในเกมที่ วัตฟอร์ด ได้ลูกจุดโทษในแมตช์ที่เจอกับ เชลซี ซึ่งทั้งสองจังหวะนั้นเป็นการเข้าปะทะที่เบาบางทั้งคู่ และไม่สมควรเป็นการฟาล์ว
โดย ไมค์ ไรลี่ย์ กล่าวถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมว่า “มันเป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด เนื่องจากผู้ตัดสินทำหน้าที่ได้ถูกต้องแล้ว กลับต้องเปลี่ยนคำตัดสินให้เป็นสิ่งที่ผิดพลาด แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ที่มีการนำ VAR ไปใช้ และทุกคนต้องเรียนรู้เพื่อก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ไป” การตัดสินเหตุการ์ใน 11 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นถูกต้องถึง 91 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นการตัดสินที่ไม่ใช้ VAR ถึง 84 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ไรลี่ย์ และ สมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศอังกฤษ วางแผนที่จะพัฒนาระบบกราฟิกของ VAR ให้แฟนบอลที่กังขาในคำตัดสิน ได้เห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละสนามให้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย