จามาล ลาสเซลเลส ช่วยให้เจ้าถิ่นขึ้นนำไปก่อนในครึ่งแรก ก่อนที่ทีมเยือนจะมาถูกตีเสมอโดย จอนนี่ กาสโตร อ็อตโต้ ในครึ่งหลัง จบเกม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 10 คู่ประจำวันอาทิตย์ คู่แรก จะเป็นการแข่งขันระหว่าง “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส โดยฟุตบอลนัดนี้จะลงเตะกันในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม เวลา 21.10 น. ที่สนาม
เชลซี ได้ มาร์กอส อลอนโซ่ พังประตูชัยในนาทีที่ 73 ให้สิงโตน้ำเงินคราม เก็บชัยชนะ 4 นัดจาก 5 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ส่วน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แพ้เป็นนัดที่ 5 ของฤดูกาล หล่นไปอยู่ในอันดับ 18 เรียบร้อย
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 9 ประจำวันเสาร์ กลับมาลงแข่งขันกันแล้ว หลังจากเบรคไปเตะทีมชาติกันมา ในนัดนี้เป็นการพบกันระหว่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยฟุตบอลนัดนี้จะลงทำการแข่งขันกันในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม เวลา 21.00 น. ที่สนาม
แมทธิว ลองสตาฟฟ์ มิดฟิลด์วัย 19 ปี ทำประตูแรกของเจ้าตัวในทีมชุดใหญ่ ช่วยให้ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เปิดบ้านเก็บชัยชนะเหนือ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ช่วยให้นิวคาสเซิ่ล หลุดพ้นโซนตกชั้น ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 16 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 8 คู่สุดท้ายประจำสัปดาห์ ก่อนพักเบรคเตะทีมชาติ จะเป็นคู่ระหว่าง “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยฟุตบอลนัดนี้จะลงเตะกันในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม เวลา 22.30 น. ที่สนาม
เลสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่เหลือ 10 ตั้งแต่ครึ่งแรกไป 5-0 โดยได้ประตูจาก ริคาร์โด้ เปเรยร่า น.16 เจมี่ วาร์ดี้ น.54,64 พอล ดัมเมตต์(ทำเข้าประตูตัวเอง) น.57 วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ น.90 เก็บสามคะแนน กลับขึ้นมาอยู่ที่ 3 เหมือนเดิม
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 7 คู่ประจำวันอาทิตย์ ในนัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง “จิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยฟุตบอลนัดนี้จะลงทำการแข่งขันกันในวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน เวลา 22.30 น. ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ด้านเจ้าถิ่น “จิ้งจอก” เลสเตอร์
ในเกมนี้ลิเวอร์พูลปรับผู้เล่นสองตำแหน่ง โดยส่งอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กับดิว็อค โอริกี้ แทนจอร์แดน เฮนเดอร์สันกับโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ เริ่มเกมมา เป็นทางฝ่ายเจ้าบ้านครองบอลเข้าใส่ตามปกติ โดยเน้นขึ้นบอลทางกราบซ้ายโดยใช้โรเบิร์ตสันเล่นร่วมกับไวจ์นัลดุมคอยเติมสูง แต่การหาจังหวะจบยังไม่มี การส่งอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงเล่นในแดนกลาง ทำให้เพิ่มมิติการบุกจากการลากเลื้อยเลี้ยงกินด้วยได้อยู่หลายจังหวะ แต่ก็กลายเป็นดาบสองคมเพราะการเล่นเกมรับของอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยังทำได้ไม่ดีพอ จนในนาทีที่ 7
ลิเวอร์พูล ยังคงฟอร์มร้อนแรง เปิดแอนฟิลด์ ต้อนเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 3 ประตู ต่อ 1 เก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีก 5 นัดรวด มี 15 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงต่อ