10 อันดับนักเตะในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีมูลค่าการย้ายทีมแพงที่สุด ยึดตามอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ตอนจบ

ความเดิมจากบทความก่อนในหัวข้อ 10 อันดับผู้เล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีมูลค่าการย้ายทีมแพงที่สุด ยึดตามอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการรวบรวมดีลตั้งแต่อดีตอันเป็นที่จดดจำของแฟนบอล มาคิดคำนวณใหม่ว่าถ้าเป็นสมัยนี้เหล่าซูเปอร์สตาร์แต่ละรายจะมีค่าตัวเท่าไหร่กันแน่ อันเป็นแนวคิดสไตล์แฟนตาซีของ เคียแรน แม็คไกวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากมหาวิทยาลัย ลิเวอร์พูล ที่ร่วมงานกับเพื่อนของเขาอย่าง เจสัน ลอว์ส ทำการรวบรวมชุดข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ขึ้นมา แล้วนำเสนอผ่านทางสื่อฟุตบอลชื่อดังอย่าง ดิ แอธเลติกส์ ในประเทศอังกฤษ

แน่นอนว่าดีลการย้ายทีมทุกวันนี้ หากเป็นการซื้อขายผู้เล่นที่มีชื่อเสียง มีรางวัลต่างๆ การันตีคุณภาพฝีเท้า ยิ่งเฉพาะในลีกอังกฤษ ตัวเลขที่ปิดดีลกันย่อมเดือดดาลเป็นพิเศษ เพราะเป็นลีกที่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลเป็นอย่างสูง มีรายรับเข้าสู่สโมสรแบบมหาศาล ดังนั้นคู่ค้าจึงไม่มีทางปล่อยนักเตะให้ในราคาถูกๆ เป็นแน่ แต่ก็ต้องมองถึงปัจจัยเงินเฟ้อ ที่ทำให้ราคาผู้เล่นในตลาดนักเตะพุ่งกระฉูดด้วยเช่นกัน แม้ว่าจำนวนเงิน 1 หน่วยเท่ากัน ถ้ามูลค่าของเงินลดลง สินค้าและบริการก็ย่อมต้องแพงขึ้นตามกลไกของตลาดแบบเลี่ยงไม่ได้

บทความนี้เว็บไซต์ 168Kick พร้อมนำเสนอสกู๊ปปิดท้ายกันด้วยผู้เล่นที่แพงที่สุด ในการคิดคำนวณตามสูตรของ แม็คไกวร์ และ ลอว์ส ที่เป็นการกำหนดค่าเฉพาะตัว ที่ไม่ได้มีการแจกแจงออกมาร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าพวกเขาทั้งคู่นำตัวแปรใดๆ มาอ้างอิงบ้าง? นอกจากเปอร์เซ็นต์ของเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีนักเตะคนใดกันบ้างที่ติดโผเข้ามาในตำแหน่งท็อปไฟว์? แล้วเป็นดีลที่ย้ายจากสโมสรไหนในปีใด?

เปิดหัวกันที่อันดับที่ 5 เป็นดีลจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกเช่นเคย แล้วเป็นการเสียค่าโง่ที่แพงที่สุดครั้งนึงในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการยอมทุ่มเงินซื้อ ปอล ป็อกบา อดีตมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสที่เคยอยู่กับทีมตั้งแต่เป็นนักเตะเยาวชน กลับมาจาก ยูเวนตุส ที่เซ็นไปแบบฟรีๆ ให้รีเทิร์นกลับมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งในยุคที่มี โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมในปี 2016 แล้วนับมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดยเมื่อคิดตามอัตราค่าเงินที่เปลี่ยนไปแล้ว ดีลของ ป็อกบา ในทุกวันนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 126 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

ต่อกันที่อันดับที่ 4 ก็ยังคงเป็นการทุ่มซื้อของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกเหมือนเคย สมกับตำแหน่งทีมที่ใช้เงินเป็นเบี้ยประจำลีก ซึ่งคราวนี้เป็นการเติมความแข็งแกร่งในแผงหลัง ด้วยการไปคว้าตัว ริโอ เฟอร์ดินานด์ เซนเตอร์แบ็คทีมชาติอังกฤษ มาจากคู่อริอย่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี 2002 หลังจบศึกฟุตบอลโลกที่ดาวเตะรายนี้โชว์ฟอร์มระดับมาสเตอร์พีซออกมา แล้วสามารถกลายเป็นผู้นำในแนวรับที่ไว้ใจได้นานนับสิบปี โดยถ้าดีลของ ริโอ เกิดขึ้นในยุคนี้ จากการคำนวณแล้วมูลค่าจะพุ่งสูงขึ้นไปถึง 132.5 ล้านปอนด์เลยทีเดียว แต่เชื่อว่าคงคุ้มค่ากว่า แฮรรี่ แม็คไกวร์ แน่นอน

ถัดมาที่อันดับที่ 3 เป็นดีลจากสโมสร ลิเวอร์พูล ที่ต้องย้อนกลับไปในปี 1995 ที่ติดต่อขอซื้อตัวศูนย์หน้าฟอร์มแรงอย่าง สแตน คอลลีมอร์ มาจากสโมสรชื่อดังในยุคนั้นแบบ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ ซึ่งถือว่าเป็นการเจรจาย้ายทีมที่สั่นสะเทือนวงการฟุตบอลอังกฤษไม่น้อยเลยทีเดียว คอลลีมอร์ เป็นกองหน้าที่มีความสูงใหญ่สไตล์โบราณ มีจังหวะการเล่นที่ดุดันด้วยลูกบู๊ไม่ยอมแพ้ใคร บวกกับคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หากเทียบเป็นมูลค่าปัจจุบันดีลครั้งนั้นจะราคาสูงถึง 132.9 ล้านปอนด์เลยทีเดียว แต่สุดท้ายแล้วผลงานของ สแตน เดอะ แมน กลับไม่ปังดังหวังในถิ่น แอนด์ ฟิลด์

ข้ามมาที่ตำแหน่งรองท็อปที่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงมีเอี่ยวเช่นเคย เหมือนเป็นขาประจำเรื่องการใช้เงินแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ โดยดีลนี้เป็นการนำเข้ามิดฟิลด์ฝีเท้าระดับ เวิลด์ คลาส ดีกรีทีมชาติอาร์เจนติน่าอย่าง ฮวน เซบาสเตียน เวรอน มาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปี 2003 ซึ่งคู่ค้าของ ปีศาจแดง คือทีมดังในอิตาลีอย่าง ลาซิโอ ที่เรียกราคาจนเป็นสถิติที่แพงที่สุดในเกาะอังกฤษในเวลานั้น แต่ผลงานของ เวรอน กลับฉายออกมาได้ไม่เต็มที่ สไตล์การเล่นของเขาที่เป็นกองกลางสายเชิงกับความเร็วของลีกอังกฤษที่มีการเพรสซิ่งหนัก ตรงกันข้ามกันสุดขั้วจนโชว์ฟอร์มไม่ออก มีเล่นดีแค่ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่กี่นัดเท่านั้น แล้วหากตีมูลค่าของดีลนี้เป็นค่าเงินปัจจุบันแล้วละก็ ยูไนเต็ด ต้องจ่ายถึง 155.4 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

ปิดท้ายกันที่อันดับที่หนึ่งในสกู๊ปนี้ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าสไตล์อังกฤษโบราณ ที่มีความดุดันในการเล่นและความเฉียบคมในการจบสกอร์เป็นจุดขาย การย้ายของเขาจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส มาอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในปี 1996 ทำให้ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า ต่างอายม้วนเพราะกินแห้วทั้งคู่ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก “ฮอตช็อตอลัน เชียเรอร์ เจ้าของสถิติผู้เล่นที่ยิงประตูให้กับ สาลิกาดง มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งเป็นการซื้อตัวที่คุ้มเสนคุ้ม หากตัว เชียเรอร์ ไม่เจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน แล้วต้นสังกัดมีความพร้อมของตัวผู้เล่นมากกกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนั้น คงมีโอกาสได้เป็นแคนดิเดตลุ้นแชมป์ลีกกันบ้าง ถ้าหากตีมูลค่าการย้ายทีมของดาวยิงรายนี้เป็นค่าเงินปัจจุบัน ดีลนี้จะอยู่ที่ราว 222 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top