10 ชาติชั้นนำที่ผ่านเข้าไปเล่นศึก ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย มากครั้งที่สุด ตอนจบ

ต่อเนื่องจากบทความที่แล้วในหัวข้อ 10 ชาติชั้นนำที่ผ่านเข้าไปเล่นศึก ฟุตบอลบอล โลกรอบสุดท้าย มากที่สุด ที่เป็นการจัดอันดับ ไล่เรียงจำนวนการผ่านเข้าไปเล่นบนเวทีระดับชาติที่มีความเข้มข้นในการแข่งขันมากที่สุดอย่างศึก เวิลด์ คัพ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะผ่านคู่แข่งในแต่ละโซนเพื่อคว้าโควต้าอันจำกัด แล้วเป็นหนึ่งในจำนวน 32 ทีมสุดท้าย ที่เตรียดฟาดฟันแบบสุดเหวี่ยงในการเป็น จ้าวโลก อันเป็นทัวร์นาเมนต์ที่รวบรวมเอาแข้งระดับพระกาฬเอาไว้มากมาย ล้วนแล้วเป็นแต่ซูเปอร์สตาร์หัวๆ ที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรชั้นนำทั่วโลกมารวมกัน

แน่นอนว่าแต่ละโซนย่อมได้โควต้าที่ลดดหลั่นกันไปตามจำนวนที่เข้าแข่งในแต่ละทวีป แฟนบอลบางคนอาจมองว่ายุโรป ได้โควต้ามากเกินไปด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามหากเทียบเรื่องของจำนวนประเทศที่เข้าแข่งขัน บวกกับความนิยมเรื่องกีฬาฟุตบอลในการทำตลาดได้ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่คณะกรรมการจะเอื้อประโยชน์ให้เป็นพิเศษ สุดท้ายแล้วนอกจากเรื่องของฝีเท้า ก็ต้องพึ่งโชคและดวงไม่น้อย เพราะหากจับไปอยู่ในกลุ่มที่มีชาติแข็งๆ 3-4 ทีม ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน มหาอำนาจบางทีมก็เคยผ่านการทำรถกฐินคว่ำมาแล้ว ด้วยการลาทัวร์นาเมนต์นี้ไปตั้งแต่รอบคัดเลือก ทำเอาแฟนบอลที่ตามเชียร์เซ็งกันเป็นแถบๆ

บทความปิดท้ายซีรีส์นี้ การันตีได้เลยว่า ทีมชาติที่ติดโผเข้ามาในตำแหน่งท็อปไฟว์ ล้วนเป็นทีมที่คุ้นตาแฟนบอลเป็นอย่างดี มีผลงานให้เสพย์อย่างต่อเนื่อง รักษามาตรฐานฟุตบอลได้แบบไม่มีช่วงฟอร์มหล่นแบบน่าใจหาย พัฒนานักเตะรุ่นใหม่ขึ้นมาได้ทันกินทันใช้ เลยมีสถิติการผ่านเข้ารอบสุดท้ายสูงกว่าชาติอื่นๆ ในตอนก่อน มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า อัพเดตล่าสุดของแต่ละชาติจะเป็นอย่างไรกันบ้าง? พวกเขามีตัวชูโรงและผลงานในรายการนี้ในอดีตเป็นแบบไหน? เก็บประสบการณ์ในการเล่นรอบสุดท้ายมากี่ครั้ง?

เริ่มต้นกันที่อันดับที่ 5 เป็นทีมชาติที่อยู่ในโซน คอนคาเคฟ นับว่าเป็นทวีปการคัดเลือกที่ดูสบายเกือบจะที่สุด มีม้าตัวเต็งเพียงแค่ไม่กี่ทีม ซึ่งหนึ่งในนั้นย่อมเป็น เม็กซิโก เจ้าของฉายา จังโก้ ที่ผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายได้ถึง 17 ครั้ง โดยผลงานของพวกเขาในรอบคัดเลือก ถือว่าผ่านไปได้แบบนิ่มๆ แต่กลุ่มที่พวกเขาถูกจับไปอยู่ในรอบสุดท้าย เจอกับคู่แข่งที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนติน่า, ซาอุดิอาระเบีย และ โปแลนด์ แม้ว่าผลงานของพวกเขาจะไม่เคยมีถ้วยแชมป์หรือตำแหน่งติดไม้ติดมือ แต่ตัวผู้เล่นของพวกเขายังคงเป็นสตาร์ที่อยู่ในทีมระดับกลางกับสโมสรชื่อดังทั่วยุโรป ผลิตนักเตะฝีเท้าดีขึ้นมาแบบยุคต่อยุค ยกตัวอย่างเช่น ราอูล ฆิเมเนซ ก่อนหน้านี้ เม็กซิโก ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในศึก ฟุตบอลโลก ไปทั้งหมด 17 ครั้งเลยทีเดียว

ถัดมาที่อันดับที่ 3 ร่วมทีมแรก เป็นชาติจากโซนยุโรป เจ้าของตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลก 4 สมัย และเจ้าของแชมป์ยูโรครั้งล่าสุด แต่หลังจากจบทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ผลงานของนักเตะตัวหลัก ต่างพากันออกทะเลแบบไม่ได้นัดหมาย นั่นก็คือ อิตาลี ที่ตกรอบเพลย์-ออฟ มาหมาดๆ ด้วยน้ำมือของ มาร์เซโดเนียเหนือ อดไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสองครั้งติดแบบไม่มีใครอยากจะเชื่อ มองกันที่นักเตะของพวกเขา ขุมกำลังตัวหลักยังเป็นสตาร์ที่สังกัดทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็น นิโคโล่ บาเรลล่า และ จอร์จินโญ่ เป็นต้น ซึ่งทุกคนต่างทำได้เป็นแค่เพียงผู้ชมเท่านั้นในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายมากถึง 18 ครั้ง

ต่อเนื่องกันที่อันดับสามร่วมทีมที่สอง เป็นชาติจากทวีปอเมริกาใต้ มีดีกรีเป็นจ้าวโลกถึงสองสมัย และ รองแชมป์อีก 3 สมัย ผลงานในรอบคัดเลือกช่วงแรกอาจดูกระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่สุดท้ายพอจูนเครื่องกันติดหลังคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา ได้สำเร็จ อาร์เจนติน่า ของกุนซือ ลิโอเนล สกาโลนี่ ก็เร่งฟอร์มจนคว้าโควต้าผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ช่วยให้ดาวเตะเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ เจ้าของรางวัล บัลลงก์ดอร์ 7 สมัย ไม่ต้องนั่งเหงานั่งดูเพื่อนอยู่ที่บ้าน พาทีมไปลุ้นแชมป์ที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเขาที่ได้ลงสนามในรายการนี้ เพราะเข้าสู่ช่วงท้ายของการค้าแข้งแล้ว โดยก่อนหน้านี้ทัพฟ้าขาว ผ่านเข้ามาเล่นได้มากถึง 18 ครั้งเช่นเดียวกัน

ข้ามมาที่ตำแหน่งรองท็อปประจำคลิปนี้ เป็นชาติจากทวีปยุโรป ที่แม้ว่าจะออกอาการน่าเป็นห่วงบ้างในช่วงหลัง เพราะอยู่ในช่วงยุคเปลี่ยนถ่ายขุมกำลัง ดาวเตะประสบการณ์สูงเริ่มถูกโละออกไปจากโถรายชื่อ มีการเลือกเอานักเตะดาวรุ่งติดทีมเข้ามาลองใช้งานมากมาย รวมไปถึงตัวกุนซือเองก็ด้วย แต่สุดท้ายแล้วชื่อชั้นของ เยอรมัน ก็ยังคงเป็นทีมที่ประมาทไม่ได้ จากดีกรีที่เคยเป็นแชมป์รายการนี้มาแล้วถึง 4 สมัย รองแชมป์อีก 4 สมัย และ อันดับที่สามอีก 4 สมัยเช่นกัน สตาร์ที่เป็นความหวังในแนวรุกของ ฮันส์ ดีเตอร์-ฟลิค คงเป็นลูกทีมเก่าจาก บาเยิร์น มิวนิค หลายราย ไม่ว่าจะเป็น เลรอย ซาเน่, เลออน โกเร็ตส์ก้า และ โธมัส มุลเลอร์ เป็นต้น น่าเป็นห่วงแค่ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ที่มีตัวเลือกแค่ ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาร์แวร์ทซ ต้องมาลุ้นกันว่าทัพ อินทรีเหล็ก จะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม อี ที่ไม่ใช่งานง่าย มีคู่แข่งอย่าง สเปน และ ญี่ปุ่น รอคิวอยู่ ก่อนหน้านี้ เยอรมัน ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 20 สมัย เป็นผลงานที่คงเส้นคงวาเอามากๆ

ปิดท้ายกันที่อันดับที่หนึ่ง แน่นอนว่าถ้าคิดถึงชาติที่มีผลงานในรายการนี้น่ากลัวที่สุด เป็นคู่แข่งที่ไม่มีใครอยากปะทะด้วย ครองแชมป์รายการนี้ไปถึง 5 สมัย รองแชมป์ และ ตำแหน่งอันดับสาม 2 สมัย นั่นก็คือ บราซิล เจ้าของฉายา แซมบ้า ที่แค่ชื่อชั้นของพวกเขาก็สามารถขู่คู่แข่งให้หวาดกลัวได้แล้ว มีกุนซือจอมเก๋าอย่าง ติเต้ เป็นคนนำทัพซูเปอร์สตาร์ค่าตัวแพง ที่ล้วนแล้วแต่สังกัดทีมหัวแถวในยุโรปมากมาย ไล่เรียงมาตั้งแต่ ติอาโก้ ซิลวา เซนเตอร์แบ็คประสบการณ์สูงจาก เชลซี, เฟร็ด กองกลางจอมขยันจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตัวชูโรงที่แฟนบอลอยากชมฝีเท้ามากที่สุดอย่าง เนย์มาร์ กองหน้าเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก พวกเขาผ่านรอบคัดเลือกโซน อเมริกาใต้ แบบสบายๆ นำเป็นจ่าฝูงเก็บชัยมาได้แบบยาวๆ รอบแบ่งกลุ่มพวกเขาถูกจับไปอยู่กับ เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์ และ แคเมอรูน ซึ่งเป็นคู่แข่งที่มองแล้วผ่านยากแทบทุกทีม แต่ด้วยศักยภาพที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายได้ถึง 22 ครั้ง คงเอาตัวรอดไปได้แบบไม่แน่ใจสภาพ

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top