25 ดีลที่จ่ายแพงเกินจริงตลอดกาล ในวงการโลกลูกหนัง ตอนจบ

เข้าสู่อีพีปิดท้ายของซีรีส์ 25 ดีลที่จ่ายแพงเกินจริงตลอดกาลในโลกฟุตบอลกันแล้ว ก่อนหน้านี้แฟนๆ คงได้เห็นกันไปแล้วว่า การทุ่มเเงินเพื่อหวังสร้างความสำเร็จเพียงแค่ชั่วข้ามคืนของแต่ละสโมสร ย่อมตั้งอยู่บนความเสี่ยงที่ต้องแบกรับแบบมหาศาล ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ซูเปอร์สตาร์ที่เสริมทัพเข้ามา จะปรับตัวเข้ากับทีมได้แบบไร้รอยต่อหรือไม่? จะพาทีมไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้จริงหรือเปล่า? ไม่ต่างจากการลงเดิมพันที่วัดใจบอร์ดบริหารแต่ละปี ที่เอาอนาคตการเงินของทีมแขวนไว้บนเส้นด้าย

ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจ ทำให้หลายวงการโดนผลกระทบอันร้ายแรงเรื่องการเงินทุกภาคส่วน ไม่ต่างกับแวดวงลูกหนัง ที่ทุกวันนี้แทบจะกลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับเจ้าของแบบมหาศาล แต่ก็ต้องวัดเรื่องของ กึ๋น และ ความใจถึง ที่ต้องกล้าลงทุนไปก่อน แล้วค่อยมาหวังฟันกำไรในระยะยาว เมื่อทีมไปอยู่ในจุดที่อิ่มตัวเรื่องของความสำเร็จ สร้างฐานแฟนบอลกระจายไปทั่วโลก ซึ่งทางลัดที่จะไปถึงจุดนั้นได้เร็วที่สุด ย่อมเป็นการยอมจ่ายหยักเพื่อแลกกับ นักเตะชื่อเสียงระดับโลก ที่น่าจะเข้ามายกระดับทีมได้ในชั่วพริบตา แต่ต้องแลกกับการสูญเงินก้อนโต

บทความนี้ 168Kick พร้อมปิดท้ายอคนเทนต์เดิมแบบไม่ให้ขาดตอน ด้วยผู้เล่นที่มีการย้ายทีมที่ราคาแพงเกินจริงในอันดับที่ 5 ไล่เรียงไปถึง 1 ตามลำดับ การันตีเลยว่าแต่ละดีล ล้วนเสียเงินทุนแลกกับลายเซ็นต์ของผู้เล่นเพียงคนเดียว ไม่ต่ำกว่าระดับร้อยล้านยูโรขึ้นไป เนื่องจากแต่ละรายล้วนเป็นหัวใจของทีมเก่า ในเมื่อผู้ขายไม่เต็มใจปล่อยตัว แต่ผู้ซื้อตื๊อจะเอามาครองให้ได้ ราคาเลยพุ่งสูงไปมากกว่าความเป็นจริงค่อนข้างมาก ซึ่งจะเป็นดีลของผู้เล่นคนใดกันบ้าง? วอดวายกับเงินค่าตัวกันไปเท่าไหร่? เป็นการพูดคุยกันของสโมสรใด?

เปิดหัวกันที่อันดับ 5 เป็นดีลของผู้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ ที่เมื่อถูกตีตราว่าเป็นนักเตะสัญชาติอังกฤษแล้ว ป้ายราคาที่แปะไว้ย่อมไม่มีคำว่าถูกแน่นอน นั่นก็คือ แจ็ค กรีลิช กัปตันทีมของ แอสตัน วิลล่า ที่ฟอร์มกำลังพีคถึงขีดสุดกับทั้งสโมสรและทีมชาติ แล้วเป็นทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เบียดเอาชนะคู่แข่งหลายทีม คว้าตัวดาวเตะน่องโตมาเล่นในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วยราคาสูงถึง 105.75 ล้านปอนด์ กลายเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการย้ายทีมระดับร้อยล้าน ซึ่งความเป็นจริงแล้วราคากลางของเขาอยู่ที่ 58.5 ล้านปอนด์เท่านั้น ดีลนี้ทำให้ เรือใบสีฟ้า ต้องจ่ายแพงเกินจริงไปถึง 47.25 ล้านปอนด์ แต่อย่างน้อยก็ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก มาเป็นรางวัลปลอบใจ

ต่อกันที่อันดับที่ 4 เป็นดีลของผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า ซึ่งตัวเจ้าของเดิมอย่าง เบนฟิก้า ไม่มีความคิดดที่จะขายดาวเตะแห่งอนาคตอย่าง ชูเอา เฟลิกซ์ ออกไป แต่เมื่อทางผู้ซื้ออย่าง แอตเลติโก มาดริด นั้นแสดงความดื้อด้านออกมา หนทางเดียวที่ปลดล็อคการย้ายทีมได้ เหลือเพียงแค่การฉีกสัญญาเท่านั้น เพื่อแลกกับดาวรุ่งเจ้าของรางวัล โกลเด้น บอย กลายเป็นว่าสิริรวมแล้ว ตราหมี ต้องจ่ายเงินไปมากถึง 114.48 ล้านปอนด์ ทั้งที่ค่าตัวกลางของ เฟลิกซ์ ถูกประเมินไว้เพียง 63 ล้านปอนด์เท่านั้น แพงกว่าความจริงไปถึง 51.48 ล้านปอนด์ โดยทุกวันนี้ผลงานของ เฟลิกซ์ ยังไม่มีอไรจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน โชคยังดดีที่ได้แชมป์ลีกกระทิงดุมาปลอบขวัญ 1 สมัย แต่ฟอร์มรวมแล้วอยู่ในโรงหมอพักฟื้นร่างกาย มากกว่าลงเล่นในสนามเสียอีก

ถัดมาในอันดับที่ 3 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า ที่เป็นดีลที่ซื้อขายกันระหว่างสองทีมใหญ่ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ด้วยการเปิดเจรจาเป็นสัญญายืมตัวระยะยาว บวกกับเงื่อนไขซื้อขาดในราคาที่ระบุไว้ นั่นก็คือ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงอนาคตไกลของ โมนาโก ที่มีดีกรีฝีเท้าระดับดาวรุ่งนรกแตก จ่อคิวเตรียมขึ้นเป็นสตาร์ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งทาง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต้องการปาดหน้ายักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป จึงยอมจ่ายเงินแบบโอเวอร์ไปมากถึง 162 ล้านปอนด์ เพื่อปิดดีลแบบไร้คู่แข่ง แพงกว่าราคากลางที่ประเมินออกมาที่ 108 ล้านปอนด์ ไปมากถึง 54 ล้านปอนด์เลยทีเดียว แต่ท้ายที่สุดแล้ว เอ็มบัปเป้ ก็ตอบแทน เปแอสเช ต้นสังกัดใหม่ได้อย่างคุ้มค่า ยิงแบกทีมมาแล้วหลายฤดูกาล ผลงานส่วนตัวโหดขึ้นทุกวัน กำลังจะรับไม้ต่อเป็นดาวเตะเบอร์หนึ่งของโลกในอนาคตอันใกล้

เข้าสู่ตำแหน่งรองท็อปกันที่ ดีลการซื้อของสโมสร บาร์เซโลน่า ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สโมสรมีปัญหาการเงินเรื้อรัง จนแทบจะหาทางออกไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากไปทำการ แพนิค บาย ยื่นซื้อตัว อุสมานน์ เด็มเบเล่ อดีตปีกดาวรุ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีมด้วยราคาสูงถึง 126 ล้านปอนด์ เพื่อหวังนำมาอุดรอยรั่วที่ต้องเสีย เนย์มาร์ หนึ่งในแนวรุกตัวหลักไปให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงที่พรสวรรค์ของ เด็มเบเล่ เป็นหนึ่งในตัวท็อปของ วันเดอร์ คิดส์ ช่วงเวลานั้น แต่การจ่ายไปมากถึง 126 ล้านปอนด์ ยังไงก็เป็นการซื้อที่แพงเกินจริงไปถึง 96.30 ล้านปอนด์ เพราะราคาประเมินในตลาดกลางนั้นตกอยู่ที่ 29.70 ล้านปอนด์เท่านั้น แถมยังต้องมาเจอปัญหาเรื่องวินัยนอกสนาม บวกกับอาการบาดเจ็บที่ยิบย่อยจนแทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมเข้าไปอีก เป็นการซื้อที่แสนย่ำแย่ติดเบอร์ต้นๆ ของ เจ้าบุญทุ่ม ตลอดกาล แถมกำลังจะเสีย เด็มเบเล่ ออกไปแบบฟรีๆ ในเร็ววันนี้ เนื่องจากตกลงสัญญาฉบับใหม่กันไม่ลงตัวอีกด้วย

ปิดท้ายกันที่ดีลที่แพงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่ขนาดดทางเจ้าของนักเตะอย่าง บาร์เซโลน่า ยังไม่คาดคิดมาก่อนว่า จะมีทีมไหนกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาของ เนย์มาร์ ที่ตั้งเอาไว้สูงถึง 199.8 ล้านปอนด์ แต่เมื่อทางผู้ซื้อเป็นสโมสรระดับมาหเศรษฐีอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ ราคาประเมินในตอนนั้นของสตาร์เบอร์หนึ่งทีมชาติบราซิล นั้นอยู่ที่ราว 90 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ในเมื่อเป็นผู้เล่นที่ เจ้าบุญทุ่ม ไม่ได้มีความต้องการจะขายออก ถ้าอยากได้จริงจำเป็นต้องฉีกสัญญาเพียงอย่างเดียว เลยทำให้จ่ายแพงเกินจริงไปถึง 109.8 ล้านปอนด์

แต่หลังจากย้ายมาเล่นในฝรั่งเศส เนย์มาร์ ก็เป็นคีย์แมนในแนวรุกของ เปแอสเช ที่กวาดถ้วยแชมป์มาสู่ทีมมากมาย เพิ่มฐานแฟนบอลให้กับทีมมีผู้ติดตามมากขึ้นอย่างรวดดเร็ว นับว่าเป็นการซื้อที่ใกล้เคียงคำว่าคุ้มค่าหากเลือกขายออกไปในอนาคตก็ยังมีราคาที่เรียกทุนคืนได้อยู่

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top