จัดทีมออลสตาร์ นักเตะที่เล่นพลาดบ่อยครั้งในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตอนจบ

ตอนต่อจากบทความที่แล้ว ซึ่งทีมงานได้มีการนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับการจัดทีม ออลสตาร์ผู้เล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ชอบก่อความผิดพลาดในการเล่นให้กับต้นสังกัดกันไปแล้วในตำแหน่ง ผู้รักษาประตู และ กองหลัง รวมทั้งหมด 5 รายดด้วยกัน อีพีที่สองปิดท้ายนี้จะเข้าสู่ตำแหน่งกองกลางและกองหน้ากันบ้าง ซึ่งการเล่นในระบบ 4-3-3 จะเหลืออีกทั้งหมด 6 รายที่คัดเกณฑ์แล้วเข้าตาสุดๆ มองดูจากชื่อเสียงเผินๆ อาจเป็นนักเตะที่แฟนบอลคุ้นชื่อกันดี จัดอยู่ในระดับซูเปอร์สตาร์ได้สบายๆ แต่ผลงานที่สะท้อนออกมาในสนามไม่เป็นเช่นนั้นเลย

ความเป็นจริงแล้วผู้เล่นที่สามารถก้าวขึ้นมาเล่นในลีกที่มีความนิยมระดับนี้ได้ เรื่องของฝีเท้านั้นต้องผ่านเกณฑ์ เหนือกว่าดาวเตะดาดๆ ทั่วๆ ไป แต่เรื่องสภาวะความกดดันจากสิ่งแวดล้อมรอบดด้าน อาจส่งผลให้บางคนไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดั่งใจหวัง หรือ อาจไม่เข้าระบบการเล่นของทีมนั้นๆ เพราะเป็นผู้เล่นที่อยู่กับผู้จัดการทีมคนเก่า แล้วกลายเป็นมรดกตกทอดมาให้เทรนเนอร์ใหม่ ที่เข้ามารับไม้ต่อ ต้องหาตำแหน่งให้ลงสนามเพราะเป็นขวัญใจแฟนบอล อย่างไรก็ตามใช่ว่าทุกราย จะเหมาะสมกับแผนการเล่นที่แตกแขนงแยกย่อยไปจนสาธยายไม่หมด ในวงการลูกหนังจึงมีคำว่า คู่มือการใช้งาน ที่หากโค้ชบางรายไม่มีก็รีดศักยภาพออกมาไม่ได้เต็มร้อย

สำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง ย่อมแยกย่อยออกเป็นง่ายๆ คือ ตัวรุก และ ตัวรับ หากจัดไปเล่นในบทบาทที่ไม่ถนัด จากเกิดประโยชน์อาจพาพังได้ทั้งแผง เพราะมิดฟิลด์ที่ถนัดเกมบุกบางราย มีข้อด้อยในจังหวะการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสกัดหรือคุมพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางสนาม หากตกเป็นรองให้กับทีมคู่แข่ง แทบจะเป็นความเสียเปรียบที่พลิกเกมได้ยาก ส่วนผู้เล่นแดนบนอย่างกองหน้า บางรายอาจถนัดยืนเป็นตัวเป้าคอยจบสกอร์เพียงอย่างเดียว มีมิติการเล่นที่เดาทางได้ไม่ยาก หากใช้งานผิดทิศผิดทาง จะทำให้เสียความมั่นใจจนทำผลงานได้ไม่ดีเช่นกัน มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า แต่ละรายที่มีชื่อติดโผเข้ามาในบทความนี้ จะมีใครกันบ้าง?

เริ่มต้นกันที่กองกลางดีกรีทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่เวลาสวมเครื่องแบบทีมชาติลงสนาม ทำผลงานได้โดดเด่นเป็นสง่าเหลือเกิน ต่างกับการเล่นให้กับสโโมสรโดยสิ้นเชิง นั่นก็คือ กรานิต ชาก้า มิดฟิลด์จากสโมสร อาร์เซน่อล ที่เคยเป็นถึงอดีตกัปตันทีมมาแล้ว จุดเด่นของ ชาก้า เป็นเรื่องของการคุมจังหวะเกม การออกบอลสั้นยาว เปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมีจังหวะการยิงไกลที่หนักแน่นแม่นยำ อย่างไรก็ตามพอมาเล่นกับต้นสังกัด ชาก้า มักจะได้รับหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการเล่นเกมรับมากขึ้น ซึ่งจุดบอดของเขาเป็นเรื่องจุดเดือดที่ต่ำ มีแพสชั่นร่วมกับเกมสูง เลยมักจะเข้าสกัดออกลูกติดดาบบ่อยๆ โดนใบเหลืองไปถึง 68 ครั้ง และใบแดง 5 ครั้ง อันเป็นผลให้ทีมเสียเปรียบคู่แข่งเป็นประจำ

ต่อกันที่มิดฟิลด์ตัวรุกป้ายแดงจากสโมสร น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ ที่บอร์ดบริหารต่างตั้งความหวังไว้สูงว่า เจสซี่ ลินการ์ด จะเป็นคีย์แมนคนสำคัญ ที่พาทีมรอดตกชั้นได้ในปีนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ลินการ์ด แทบไม่ได้ลงโชว์ผลงานให้เห็นมากนักในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตำแหน่งการเล่นถูกปรับเปลี่ยนไปแบบไร้ทิศทาง ต่างจากช่วงไพรม์ไทม์ของเขา ที่ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวช่วงสั้นๆ ให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในปี 2021 ที่ทำไปถึง 9 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ สิ่งเดียวที่แฟนบอลยังคาใจ คือ มาตรฐานการเล่นของเขาที่ไม่คงเส้นคงวา ช่วงดีก็ดีใจหาย ช่วงฟอร์มหายก็เล่นไม่เอาอ่าว ดังนั้นการยอมเสี่ยงจ่ายค่าเหนื่อยระดับ 2 แสนปอนด์ ต่อสัปดาห์ของ เจ้าป่า ต้องมาลุ้นกันว่าจะคุ้มค่าจริงตามคาดหรือไม่?

ปิดท้ายกันที่กองกลางดีกรีแชมป์โลก ที่ล่าสุดเพิ่งย้ายฟรีๆ ออกจากต้นสังกัดเดิมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ ยูเวนตุส ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เป็นคำรบที่สอง จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ปอล ป็อกบา ที่ไม่เคยทำผลงานได้เข้าตาเลยนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในอังกฤษ ป็อกบา มีข้อจำกัดในการใช้งานยิบย่อยมากมาย เล่นเกมรับไม่ได้ เข้าบอลไม่แม่นยำ มีดีอยู่ที่การออกบอล คิลเลอร์ พาส จังหวะชี้เป็นชี้ตายที่ยากจะคาดเดา แต่ต้องมีลูกหาบคอยซื้อเวลาให้กับเขา แถมวันไหนรู้สึกเล่นแล้วไม่สบอารมณ์ ก็พร้อมโยนเกมแบบดื้อๆ ยังไม่นับอาการบาดเจ็บยิบย่อยมากมาย ที่ทำให้เขาพลาดการลงสนามบ่อยครั้ง หลายต่อหลายหนที่ความมั่นใจของเขา ทำให้ทีมเสียการครองบอลจนเป็นที่มาของการเสียประตูแบบไม่จำเป็น

เข้าสู่ตำแหน่งกองหน้ากันที่ตัวริมเส้นฝั่งซ้าย ขอเลือกไปที่อดีตยอดดดาวยิงจากศึก บุนเดสลีก้า เยอรมัน ที่เคยตกเป็นเป้าหมายในการแย่งตัวของ ลิเวอร์พูล และ เชลซี สุดท้ายแล้ว ติโม แวร์เนอร์ ก็เลือกที่จะมาเล่นในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ กรุงลอนดอน ด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยมจากแฟนบอลว่า นี่คือ เครื่องจักรถล่มประตูคนใหม่ อย่างไรก็ตาม แวร์เนอร์ ที่มีแต่ความทุ่มเท ยังไม่สามารถหาฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองเจอเลย ต่อให้ส่งบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายได้หลายต่อหลายครั้ง กว่าครึ่งนั้นดนจับล้ำหน้าเกือบหมด แม้ว่าจะเป็นแค่จังหวะที่เหลื่อมแบบไม่กี่เซนติเมตร ก็ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง นับวันยิ่งเหมือนตัวตลกมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องย้ายกลับไปตายรังกับ แอร์เบ ไลป์ซิก อย่างที่เห็น

ต่อกันที่ตัวริมเส้นด้านขวา อาจไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของ เมซุต โอซิล อดีตเพลย์เมคเกอร์ดีกรีแชมป์โลกของ อาร์เซน่อล แต่มีบางเกมที่เขาถูกโยกไปยืนตรงพื้นที่ดังกล่าว แล้วรับบทบาท ไวด์ เพลย์เมคเกอร์ ค่อยหุบเข้ามาตอนสร้างสรรค์เกมอยู่เช่นกัน ช่วงแรกๆ ที่ โอซิล อยู่ในมือของ อาร์เซน เวนเกอร์ ถือว่าโชว์ฟอร์มได้เข้าตาสุดๆ ยกระดับเกมรุกของ ไอ้ปืนใหญ่ ได้อย่างเยี่ยมยอด ลูกจ่ายแอสซิสต์ที่เหนือชั้น จังหวะการเล่นที่ยากจะคาดเดา ทำให้คลาสบอลของเขาดูต่างจากผู้เล่นทั่วไป แต่ดด้วยสภาพร่างกายที่มีขีดจำกัด หลอดพลังหมดไวกว่าคนอื่นๆ ช่วงท้ายมักจะหายจากเกมบ่อยๆ การถอยลงมาช่วยเกมรับ เป็นจุดบอดสำคัญอีกอย่างของ โอซิล ที่ทำไม่ได้ ทำให้ทีมเสียเปรียบเรื่องผู้เล่นตอนป้องกันไปเต็มๆ หนึ่งคน ยิ่งพอขาดความมั่นใจ ร้างการลงสนามไปเรื่อยๆ กราฟชีวิตมีแต่พุ่งดิ่งลง จนไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเก่าได้แล้ว

ปิดท้ายกันที่กองหน้าที่ทุกคนในวงการลูกหนัง ต่างตั้งฉายาให้เขาว่า ระเบิดเวลาชั้นดี แม้ว่าจะมีความสามารถด้านเกมลูกหนังขั้นสุดยอด แต่มันดันมาพร้อมกับความเกรียนสุดอินดี้ ที่ไม่เคยมีผู้จัดการทีมคนไหนคุมเขาได้อยู่ นั่นก็คือ “ซูเปอร์ มาริโอมาริโอ บาโลเตลลี่ อดีตยอดดาวรุ่งของวงการฟุตบอลอิตาลี ที่ตอนแจ้งเกิดขึ้นมาช่วงแรกๆ โด่งดังเป็นพลุแตก เพราะศักยภาพของเขานั้นเพียบพร้อมสุดๆ ไม่ว่าจะเป็น ร่างกายที่สูงใหญ่, ทักษะลูกหนังที่ไม่ธรรมดา และ การยิงประตูที่แสนเฉียบคม แต่ด้วยแนวความคิดที่ไม่สนใจใคร เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไร้การเชื่อฟังโดยสิ้นเชิง ทำให้นับวันเส้นทางการค้าแข้งของเขามีแต่ดดิ่งลงเหว วินัยนอกสนามก็สุดแย่ ทั้งดื่มทั้งสูบเหมือนไม่ใช่นักกีฬาอาชีพ ทุกวันนี้เลยได้แค่เป็นที่พึ่งของทีมเล็กๆ จากลีกนอกสายตาเท่านั้น แทบจะไม่เหลือเค้าโครงภาพความสำเร็จในสมัยที่ค้าแข้งให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีประตูสวยๆ มาฝากแฟนๆ ให้เห็นกันเป็นประจำอีกแล้ว

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top