ตลาดนักเตะตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เพิ่มดีกรีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเม็ดเงินหมุนเวียนอันมหาศาล โดยเฉพาะในลีกที่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลเป็นอย่างสูงแบบ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แฟนบอลแต่ละสโมสร ย่อมคาดหวังถึงดีลใหญ่ๆ ที่จะผลักดันให้ทีมก้าวไปสู่จุดที่พัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม สวนกระแสกับเศรษฐกิจโลกที่ทรุดลงทุกวัน วงการฟุตบอลกลับต้องอาศัยการวัดใจบอร์ดบริหารอย่างมาก หากคุณไม่ลงทุนไปก่อน เป้าหมายที่ตั้งความหวังไว้ คงยากที่จะประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามการเสริมทัพที่แฟนบอลคาดหวังให้เกิดขึ้น ทางฝั่งทีมใหญ่ๆ ระดับหัวตาราง ย่อมไม่มีสโมสรไหนยอมน้อยหน้ากัน แน่นอนว่าหากงบประมาณฤดูกาลนั้นๆ มีจำนวนล้นมือ เป้าหมายคงเล็งไปที่ซูเปอร์สตาร์ ที่ได้รับการยอมรับเรื่องฝีเท้าแล้วแบบไม่ต้องลุ้น แต่ถ้ามีงบประมาณจำกัด จำเป็นต้องซ่อมแซมทีมหลายจุด เงินก้อนดังกล่าวต้องนำไปซอยย่อย แบ่งสรรปันส่วนใช้งานให้คุ้มค่า ทางออกที่ดูดีที่สุดย่อมเป็นการเสี่ยงดวงซื้อตัวผู้เล่นดาวรุ่งที่มีศักยภาพโดดเด่นมาปั้นต่อ แต่ใช่ว่าทุกดีลจะจบด้วยราคาที่เหมาะสมเสมอไป

บทความนี้ พร้อมย้อนรอย 10 ดีลนักเตะดาวรุ่งที่มีการซื้อ-ขายกันแพงที่สุดของลีกสูงสุดแดนผู้ดีนับตั้งแต่อดีตยาวมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะขอแบ่งเป็นสองตอน เพื่อข้อมูลที่ครบถ้วน จัดเรียงกันไปตามราคาค่าตัว โดดยในคลิปเปิดหัวนี้จะเริ่มกันที่อันดับ 10-6 เพื่อเป็นการย้อนรอยเรื่องการใช้งบประมาณของแต่ละสโมสรว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ต้องการหรือไม่? มาลุ้นไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีดาวเตะที่แฟนๆ เดาไว้ในใจ ติดโผเข้ามาบ้างหรือไม่? พวกเขาย้ายทีมด้วยราคาเท่าไหร่กันบ้าง?

เริ่มต้นกันที่อันดับที่ 10 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งตัวริมเส้น สามารถยืนได้ทั้งสองฝั่ง โด่งดังตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี เพราะได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ ฟูแล่ม ในปี 2016 ปรากฏว่า ผลงานในสนามของ ไรอัน เซสเซยง ดันไปเตะตาแฟนบอลและสื่อต่างๆ เข้าอย่างจัง มีศักยภาพที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับนักเตะรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ความเร็ว ทักษะฟุตบอล และ วิชั่นในการตัดสินใจที่เกินอายุ แต่กว่าจะได้ย้ายทีมก็ต้องรอสามปีแบบเหนื่อยหน่าย เนื่องจากฟอร์มไม่สม่ำเสมอ แล้วก็เป็นทาง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ได้ตัวไปด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ แต่กว่าจะกลับมายึดตัวจริงได้เหมือนในปัจจุบัน ก็ต้องสู้กับอาการบาดเจ็บอย่างหนัก เรียกว่าเกือบดับไปเหมือนกัน

ถัดมาที่อันดับที่ 9 เป็นกองกลางมากพรสวรรค์สัญชาติบราซิล ที่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมกระชากตัวมาจาก เอฟซี ปอร์โต้ ดด้วยสนนราคาถึง 26 ล้านปอนด์ นั่นก็คือ แอนเดอร์สัน ที่มาพร้อมกับฉายา นิว โรนัลดินโญ่ เปิดตัวซีซํ่นแรกกับ ปีศาจแดง ด้วยการคว้าแชมป์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2007/08 จนได้รับการโหวตให้ได้รับรางวัล โกลเด้น บอย ตั้งแต่อายุย่างเข้า 20 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการทำตัวไร้วินัยนอกสนาม ตามใจปากแบบไม่ควบคุมน้ำหนัก เจออาการบาดเจ็บหนักๆ เล่นงานจนร่างกายไม่เหมือนเดิม แอนเดอร์สัน ก็กลายเป็นดาวดับไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายอำลาสโมสรกลับไปเล่นในบ้านเกิดแบบฟรีๆ ในปี 2015

ต่อกันที่อันดับที่ 6 ร่วมรายแรกจาก 3 ราย เป็นอดีตแบ็คซ้ายอนาคตไกลของ เซาแธมป์ตัน ที่ถูกคาดเดาไว้ว่าจะกลายเป็นตัวจริงของทีมชาติอังกฤษในอนาคต ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี ลุค ชอว์ ทำผลงานได้โดดเด่นเกินวัย จนไปเตะตาทีมดังอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยอมจ่ายเงินราว 27 ล้านปอนด์ เพื่อแลกกับลายเซ็นต์ของ ดาวเตะที่ติดทีมยอดเยี่ยม พีเอฟเอ ในฤดูกาล 2013/14 แต่การย้ายไปเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ ชอว์ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องฝ่าฝันอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับโค้ช หรือแม้แต่อาการบาดเจ็บหนัก กว่าจะได้รับการยอมรับเรื่องฝีเท้าเหมือนในตอนนี้ ก็ต้องรอจนถึงหลังจบบอลยูโร ที่ระเบิดฟอร์มจนพาทีมเข้าชิงได้สำเร็จ

ต่อเนื่องกันที่อันดดับที่ 6 ร่วมรายที่สอง เป็นกองหน้าชาวแซมบ้า ที่ทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมจ่ายแพงถึง 27 ล้านปอนด์ เพื่อหวังดึงตัวมาเป็นแบ็คอัพให้กับ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ ท่ามกลางการต่อสู้แย่งลายเซ็นต์ของ กาเบรียล เฆซุส ที่ต้องเผชิญหน้ากับทีมใหญ่ในยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส ก่อนจะได้ตัวมาครองในเดือนมกราคมปี 2017อย่างไรก็ตามจากการที่ไม่ได้ลงสนามต่อเนื่องมากนัก เฆซุส ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรับบทพระรอง รอโอกาสจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าจะใช้งานเขาตอนไหน? และเมื่อไหร่? อย่างน้อยก็เป็นส่วนสำคัญที่พาทีม เรือใบสีฟ้า กวาดแชมป์ภายในประเทศครบทุกรายการ ด้วยการยิงไปทั้งหมด 95 ประตู จากการลงเล่น 236 นัด ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อาร์เซน่อล สดดๆ ร้อนๆ ในปีนี้

ปิดท้ายกันที่อันดับที่ 6 ร่วมรายสุดท้าย เป็นผลผลิตจากสโมสร เอฟเวอร์ตัน แบบแท้ๆ แจ้งเกิดตั้งแต่อายุเพียงแค่ 16 ปีเศษ ด้วยการยิงไกลสุดสวยใส่ อาร์เซน่อล หลังจากนั้นก็ได้รับการยกย่องว่ามีศักยภาพเป็น วันเดอร์ คิดส์ เบอร์หนึ่งของอังกฤษในขณะนั้น แล้วก็เป็นทาง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจยอมควักเงินราว 27 ล้านปอนด์ คว้าตัว เวย์น รูนี่ย์ ไปสร้างตำนานที่โรงละครแห่งความฝัน ดาวยิงมากพรสวรรค์รายนี้เปิดตัวได้อย่างร้อนแรง จากการยิงแฮตทริกได้ทันทีตั้งแต่เกมเปิดตัวในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ผลงานของ รูนี่ย์ ตั้งแต่ย้ายไปสวมยูนิฟอร์มอสูรแดงในปี 2004 เรียกได้ว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ การันตีได้ด้วยตำแหน่งดดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสร ซึ่งถ้าร่างกายเขาเต็มร้อย คงบวกประตูได้มากกว่านี้อีกมาก