สำหรับศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็นลีกฟุตบอลชั้นนำที่จัดว่าเป็น 5 ลีกใหญ่ของทวีปยุโรป ที่ถูกแฟนบอลทั่วโลกดูถูกมากที่สุด เพราะมองว่า คุณภาพของแต่ละสโมสรแตกต่างกันมากเกินไป ช่องว่างระหว่างทีมยักษ์ใหญ่และทีมระดับกลางห่างชั้นแบบสู้กันไม่ได้ ผู้เล่นบางรายที่โชว์ฟอร์มออกมาได้ดี แต่ด้วยมุมมองจากสื่อที่นำเสนอว่าเป็นลีกที่เอาไว้เก็บประสบการณ์ เพื่อเป็นบันไดเพื่อย้ายไปลีกที่ใหญ่กว่า เลยพลอยทำให้นักเตะส่วนใหญ่ที่มีชื่อเสียงจากลีกแดนน้ำหอม ไม่ค่อยได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพฝีเท้ามากเท่าไหร่นัก จนกว่าจะย้ายออกไปสร้างผลงานที่อื่น

ทีมที่อยู่ในแคนดิเดตกลุ่มลุ้นแชมป์ แทบจะชี้เป้าได้ว่ามีไม่กี่สโมสร ยกตัวอย่างเช่นขาประจำอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, ลีลล์ และ โอลิมปิก ลียง เป็นต้น แต่มีเพียงแค่ เปแอสเช เท่านั้น ที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องทุนรอนในการทำทีม เลยไม่จำเป็นต้องขายนักเตะกินเหมือนทีมอื่นๆ ที่พร้อมรอรับเช็คก้อนโตที่จ่ายแบบสมน้ำสมเนื้อ แล้วจะยอมคายสตาร์ของพวกเขาให้ย้ายออกไปได้แบบไม่มีการรั้งเอาไว้ หนึ่งในทีมที่เหมือนว่าจะมาดีในช่วงหลัง คือ แรนส์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งในบ้าน โดยผลงานแทบทุกปีก็มีมาตรฐานลุ้นพื้นที่บอลยุโรปมาตลอด ซึ่งฤดดูกาลที่แล้วพวกเขาก็เซอร์ไพรส์แฟนบอลด้วยการจบในอันดับที่ 4 ดีสุดเป็นอันดับสองในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา

น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่สโมสรแบบ แรนส์ ไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องมาวนลูปขายสตาร์ออกจากทีมเพื่อทำกำไรเหมือนเคยๆ วันนี้ทีมงาน พร้อมย้อนรอยให้เห็นภาพลางๆ ของ แรนส์ หากไม่มีการขายผู้เล่นตัวหลักออกไปจากทีม แต่ละตำแหน่งจะมีสตาร์คนไหนเป็นตัวชูโรงกันบ้าง? แล้วการขายพวกเขาเหล่านั้นออกไป ผลงานกับต้นสังกัดใหม่เป็นอย่างไร? เม็ดเงินที่แลกมาเป็นค่าตัวของนักเตะแต่ละดีลได้เงินมามากแค่ไหน? ไล่เรียงมาตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยาวไปยันถึงกองหน้า โดยจะแบ่งเป็นสองตอน เพื่อการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน?

เริ่มต้นกันที่ตำแหน่งผู้รักษาประตู เป็นดีลที่เพิ่งจะเกิดขึ้นราวสองปีก่อนในปี 2020 คือ การปล่อยนายทวารมือหนึ่งของทีมอย่าง เอดูอาร์ด เมนดี้ ไปให้กับ เชลซี แลกกับค่าตัวราว 21.6 ล้านปอนด์ แม้ว่าฝีมือของผู้รักษาประตูรายนี้ช่วงแรกจะยังเป็นเครื่องหมายคำถามสำหรับแฟนบอล สิงห์บลู เพราะไม่ได้ติดดตามฟอร์มอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม เมนดี้ ใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองเพียงไม่นาน ก็ยึดตำแหน่งมือหนึ่งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ มาครองได้อย่างสมศักดิ์ศรียาวนานมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ เมนดี้ ในวัย 30 ปี กวาดแชมป์มาครองทั้งในระดับชาติและสโมสรอย่างต่อเนื่อง แล้วเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ ฟีฟ่า เมื่อปีก่อน

ถัดมาที่ตำแหน่งแบ็คขวา เป็นหนึ่งในนักเตะตัวหลัก ที่ยังคงเลือกฝากอนาคตไว้กับทีมจนถึงตอนนี้ แล้วได้รับเกียรติให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกด้วย นั่นก็คือ อามารี่ ตราโอเร่ ที่ลงเล่นให้กับ แรนส์ ไปแล้วทุกรายการกว่า 200 นัด ดาวเตะผิวสีรายนี้ทำผลงานออกมาได้อย่างคงเส้นคงวาสุดๆ ก้าวไปเป็นสตาร์ของทีมชาติมาลี ฤดูกาลก่อนเขาเป็นคีย์แมนในแผงหลังที่ช่วยให้ แรนส์ เล่นได้อย่างสมดุลย์ เกมรุกเติมมัน เกมรับก็ไม่ทิ้ง น่าเสียดายที่อีกไม่นาน ตราโอเร่ คงเลือกที่จะอำลาทีมเหมือนผู้เล่นรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เพราะสัญญาของเขากำลังจะหมดลงในอีกไม่ถึงหนึ่งปี

ต่อกันที่ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ครายแรก เป็นกองหลังทีมชาติโมร็อคโกชุดใหญ่ ที่ฟอร์มกำลังหุงขึ้นหม้อสุดๆ เก็บประสบการณ์บนเวทีระดับสูงจนได้ที่ ช่วยขันเกมรับของ แรนส์ ในซีซั่นก่อนให้เหนียวแน่นแบบไม่เคยเป็นมาก่อน จนไปเตะตาทีมดังในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ยอมทุบคลังสโมสรราว 31.5 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัว นาเยฟ อาเกิร์ด ให้ย้ายไปเล่นในกรุงลอนดอน ด้วยวัย 26 ปี ดาวเตะรายนี้กำลังเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพ ความแข็งแกร่ง ความเร็ว รูปร่างที่สมส่วน บวกกับการอ่านเกมที่เยือกเย็น ต้องมาดูกันว่า อาเกิร์ด ที่ยกระดับตัวเองไปเล่นบนเวทีที่หินขึ้นไปอีกขั้น จะทำได้ดีมากแค่ไหน

ส่วนคู่หูในตำแหน่งกองหลังตัวกลางอีกหนึ่งราย ตัวเลือกที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น โลอิก บาเด้ แนวรับดาวรุ่งวัย 22 ปี ที่มีดีกรีติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ไปแล้ว 3 นัดด้วยกัน ฟอร์มการเล่นของ บาเด้ กำลังพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ องค์ประกอบรวมๆ มีครบในการเป็นสตาร์ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความแข็งแกร่ง และ การเข้าปะทะที่หนักหน่วง เหลือเพียงแค่เก็บประสบการณ์บนเวทีเขี้ยวๆ แบบต่อเนื่อง เติมความเก๋า ความนิ่งไปอย่างอดทน อีกไม่นานคงก้าวขึ้นไปเป็นสตาร์ประจำทีม แล้วรอต่อคิวย้ายเหมือนดาวเตะรุ่นพี่ๆ ก่อนหน้านี้ ที่เลือกจะออกไปพิสูจน์ตัวเองกับสโมสรที่ใหญ่ขึ้นไปอีกระดับ อย่างไรก็ตามเป้าหมายแรกของ บาเด้ คงเป็นการรักษาฟอร์มเดิมจากปีก่อนเอาไว้ให้ได้

ปิดท้ายสกู๊ปนี้กันที่ตำแหน่งแบ็คซ้าย เป็นกองหลังดดีกรีทีมชาติแอลจีเรีย ที่ทาง แรนส์ ตัดสินใจขายไปให้กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ไปในปี 2019 นั่นก็คือ รามี่ เบนเซไบนี่ ที่ได้ค่าตัวเข้าสู่สโมสรไม่มากไม่น้อยราว 7.2 ล้านปอนด์ หลังจากย้ายไปเล่นในเมืองเบียร์ เบนเซไบนี่ ก็ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ผลงานรวมๆ กับ สิงห์หนุ่ม ถือว่าเป็นแนวรับที่ไว้วางใจได้ เกมรับเล่นได้ค่อนข้างเหนียวแน่น เติมเกมบุกบางจังหวะได้ดี แต่ไม่ถึงขนาดวูบวาบเร้าใจตามราคา การได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คงทำให้ตัวนักเตะรู้สึกภูมิใจกับเส้นทางการค้าแข้งของตัวเองไม่น้อย แต่คงไม่ก้าวไปไกลกว่าที่เป็นอยู่