Home บทความฟุตบอล 5 ปัจจัยที่จะนำ ลีดส์ ยูไนเต็ด สู่การกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า

5 ปัจจัยที่จะนำ ลีดส์ ยูไนเต็ด สู่การกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า

0
5 ปัจจัยที่จะนำ ลีดส์ ยูไนเต็ด สู่การกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า

สโมสรฟุตบอล ลีดส์ ยูไนเต็ด ฉายา “ยูงทอง” สโมสรจากมณฑล ยอร์กเชอร์ ประเทศ อังกฤษ หนึ่งทีมในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลอังกฤษ เคยมีช่วงเวลาที่สุดรุ่งเรืองในช่วงทศวรรษที่ 90 ถึงต้นปี 2000 โดยเฉพาะในฤดูกาล 1991/1992 พลพรรค “ยูงทอง” สามารถคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาล 1992/1993 เป็นต้นมา

หลังจากนั้นพวกเขายังคงโลดแล่นวนเวียนอยู่ในระดับท็อปของตาราง พรีเมียร์ลีก หลายต่อหลายฤดูกาล ผ่านการลงเล่นในศึกฟุตบอลถ้วยยุโรปมาแล้ว แต่ทว่าในปี 2004 จากปัญหาการล้มละลายของสโมสร พวกเขาต้องเร่ขายนักเตะสตาร์ดังของทีมจนไม่สามารถอยู่รอดบนลีกสูงสุดได้อีกต่อไป แถมยังเคยตกต่ำถึงขั้นตกชั้นจาก แชมป์เปี้ยนชิพ ไปเล่นใน ลีก 1 ของอังกฤษมาแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่เคยได้กลับขึ้นมาสู่ พรีเมียร์ลีก ได้อีกเลย แต่ปัจจุบัน “ยุงทอง” กำลังมีโอกาสที่กลับมาสู่ลีกสูงสุดของอังกฤษอีกครั้ง โดยมี 5 ปัจจัยสำคัญ พร้อมข้อมูลและเกร็ดความรู้คร่าวๆ ดังนี้

1. ประธานสโมสร

อันเดร ราดริซซานี่ นักธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนด้านกีฬาและสื่อ สัญชาติ อิตาลี เจ้าของสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด ณ ปัจจุบัน

อันเดร ราดริซซานี่ เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนด้านกีฬาและสื่อ ได้เริ่มทำการซื้อหุ้น 50 % ของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ในเดือนมกราคม ปี 2017 และต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2017 ได้ซื้อหุ้นอีก 50 % จาก มัสซิโม เซลลิโน่ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานสโมสร เบรสซ่า จากลีกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ทำให้ อันเดร ราดริซซานี่ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด เบ็ดเสร็จ 100% ก่อนที่จะขายหุ้น 25 % ให้กับกลุ่ม 49ers Enterprises

โดยนับตั้งแต่ที่เขาได้ก้าวมาเป็นประธานสโมสร เขาได้เริ่มปรับปรุงรื้อระบบทุกอย่างใหม่หมดจด ตั้งแต่เปลี่ยนคณะกรรมการบริหาร ปรับปรุงพัฒนาศูนย์การฝึกซ้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับอคาเดมี่ในต่างประเทศ รวมถึงในการซื้อสนาม เอลแลนด์ โร้ด ซึ่งเป็นรังเหย้าของ ลีดส์ จากที่ทำการเร่ขายสนามออกไปเมื่อปี 2004 จากวิกฤตการล้มละลายของสโมสรในเวลานั้น

ส่วนผลงานการแต่งตั้งเฮดโค้ช ตั้งแต่ปลด แกรี่ มั้งค์ กุนซือคนเก่าของทีม ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2018 ได้เซ็นสัญญา โธมัส คริสเตียนเซ่น เป็นกุนซือของทีม แต่อยู่ได้ไม่นานก็โดนปลดออกจากผลงานย่ำแย่ ต่อมาได้เซ็นสัญญากับ พอล เฮ็คกิ้งบ็อทท่อม แต่ก็ทำผลงานย่ำแย่จนถูกปลดออกเช่นเดียวกัน สุดท้ายในวันที่ 15 มิถุนายน 2018 ได้เซ็นสัญญากับ มาร์เซโล บิเอลซ่า กุนซือมากประสบการณ์ชาวอาร์เจนติน่า มาเป็นกุนซือของทีม ด้วยสัญญา 2 ปีแถมพ่วงออพชั่นขยายสัญญาเพิ่มอีก 1 ปีด้วยกัน จากการแนะนำของ วิกเตอร์ ออร์ต้า ผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสร

ซึ่งการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นการเซ็นสัญญาของเฮดโค้ชที่ได้รับค่าจ้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกด้วย ทางด้านผลงานของการอนุมัติงบซื้อขายนักเตะ ได้ทำการซื้อ แพทริค แบมฟอร์ด ศูนย์หน้าจากสโมสร มิดเดิลสโบรห์ ด้วยราคาประมาณ 10 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการซื้อนักเตะราคาแพงที่สุดของสโมสร และยังมีบรรดานักเตะหลายๆคนที่เขาอนุมัติมาเสริมทีม ด้วยผลงานที่ผ่านมาจากการบริหารงานและปรับปรุงระบบทุกอย่างทั้งหมดรวมถึงการซื้อ-ขาย การแต่งตั้งสต๊าฟโค้ช ส่งผลให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด พัฒนาไปได้ไกลกว่าเดิมเป็นอย่างมาก รวมถึงเจ้าตัวได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งเป้าพา “ยูงทอง” กลับไปเล่นในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อีกครั้งภายใน 3-4 ปี ถ้าหากทำไม่ได้ เขาจะกลับอิตาลีทันที ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้สาวก “ยูงทอง” มั่นใจว่า ประธานสโมสรคนนี้จะนำพาพวกเขากลับไปอยู่ในจุดที่เคยอยู่ได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้

อันเดร ราดริซซานี่ เจ้าของสโมสรลีดส์ ยูไนเต็ด และ มาร์เซโล บิเอลซ่า กุนซือ ชาวอาร์เจนติน่า เซ็นสัญญาคุมทีมอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 15 มิถุนายน 2018
แพทริค แบมฟอร์ด ศูนย์หน้า ชาวอังกฤษ ย้ายจากสโมสร มิดเดิลสโบรห์ มาอยู่กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ค่าตัวประมาณ 10 ล้านปอนด์ ในปี 2018

2. ผู้จัดการทีม

มาร์เซโล บิเอลซ่า กุนซือมากประสบการณ์ ฉายา “El Loco” หรือ “คนบ้า”  ชาวอาร์เจนติน่า วัย 64 ปี

มาร์เซโล บิเอลซ่า กุนซือวัย 64 ปี ชาวอาร์เจนติน่า เริ่มต้นอาชีพนักเตะกับสโมสร นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ทีมในลีกประเทศอาร์เจนติน่า โดยลงเล่นในตำแหน่งกองหลัง ก่อนที่จะเริ่มตำแหน่งกุนซือในปี 1990 กับ นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ สโมสรเก่าของเจ้าตัวเป็นสโมสรแรก หลังจากนั้นได้ย้ายไปคุมทีมสโมสรในลีกประเทศเม็กซิโก เช่น อัตลาส, คลับ อเมริกา และ เวเลซ ซาร์สฟิลด์ ต่อมาโยกไปคุมทีมในลีกลาลีกา สเปน กับสโมสร เอสปันญ่อล และ แอธเลติก บิลเบา เขาได้มีประสบการณ์ในการคุมทีมชาติ อาร์เจนติน่า และทีมชาติ ชิลี ก่อนที่จะมาคุมทีมในลีกเอิง ฝรั่งเศส กับสโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย แต่กับทางสโมสร ลีลส์ เจ้าตัวคุมได้ 2 วันก็ขอลาออกและสโมสร ลาซิโอ ที่เจ้าตัวขอยกเลิกสัญญาโดยที่ยังไม่ได้เริ่มทำการคุมทีมเลยด้วยซ้ำ ปัจจุบันได้รับโอกาสเป็นกุนซือของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมจากศึกแชมป์เปี้ยนชิพของประเทศอังกฤษ

โดยนับตั้งแต่ที่ มาร์เซโล บิเอลซ่า ได้เข้าคุมทีม เขาเปลี่ยนแปลง ลีดส์ ใหม่หมด เริ่มตั้งแต่การแยกสนามซ้อมระหว่างผู้เล่นชุดใหญ่และผู้เล่นเยาวชน ยึดระบบของเขานำมาใส่ลูกทีมและปรัชญาแผนเล่นของตัวอย่างอย่างหนักแน่น โดยใช้แผน 4-1-4-1 และ 3-3-1-3 เน้นการต่อบอลและเข้าเพรสซิ่ง เป็นแผนการเล่นที่เขายึดระบบนี้มาอย่างยาวนาน ใส่ใจรายละเอียดในการซ้อม ทั้งการซ้อมเป็นทีมและการซ้อมตัวต่อตัว ฝึกซ้อมติวเข้มลูกทีมอย่างหนักและการศึกษาวิเคราะห์การเล่นคู่แข่ง มีห้องส่วนตัวเพื่อศึกษาข้อมูลคู่แข่งจากวีดีโอ ศึกษาฟอร์มการเล่นของทีมตัวเองและทีมคู่แข่งเป็นเวลา 10 กว่าชั่วโมงต่อวัน เก็บข้อมูลอย่างละเอียดยิบ ซุ่มดูการซ้อมของทีมคู่แข่ง อย่างกรณี สปายเกต อันโด่งดังจนทำให้เจ้าตัวโดนปรับเงินจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษมาแล้ว ด้วยความทุ่มเทแบบบ้าคลั่งนี้ ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “El Loco”หรือ“คนบ้า” แม้แต่ เป๊ป กวาดิโอล่า ผู้จัดการทีมที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งกุนซือที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลกในยุค เคยออกมากล่าวชื่นชมและเคยขอคำปรึกษาจาก บิเอลซ่า มาแล้ว

ผลงานฤดูกาลแรกที่เขาเข้าคุมสนามให้กับ ลีดส์ เขาสามารถพาลูกทีมจบอันดับที่ 3 ของตาราง ได้สิทธิ์แข่งเพย์ออฟลุ้นเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ก่อนจะไปพลาดท่าพ่ายให้กับ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-4 ตกรอบอย่างน่าเสียดาย แต่หากเทียบกับฤดูกาลก่อนหน้า “ยูงทอง” ทำได้เพียงจบอันดับที่ 13 ของตารางเท่านั้น และในปัจจุบันฤดูกาล 2019/2020 หรือ ฤดูกาลนี้นี่เอง เขากำลังพาลูกทีมรั้งอันดับ 1 ของตารางในศึกฟุตบอลแชมป์เปี้ยนชิพ อังกฤษ โดยเหลือการแข่งขันเพียง 9 นัดเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ถูกเลื่อนทำการแข่งขันไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากการระบาดของเชื้อ โควิด-19 จากประวัติที่ผ่านมาทั้งหมด ถึงแม้ว่า บิเอลซ่า จะเป็นกุนซือที่ไม่ค่อยได้สัมผัสถ้วยแชมป์ พร้อมมีประวัติการคุมทีมในอดีตที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ด้วยผลงานที่พิสูจน์ให้แฟนบอลเห็นกับตามาแล้วว่าเป็นของจริง กุนซือวัย 64 ปีรายนี้ จะสามารถนำพาให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด กลับมาขึ้นมาอยู่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้งหลังจบฤดูกาลนี้ก็เป็นได้

มาร์เซโล บิเอลซ่า ระหว่างคุมลูกทีมลงทำการฝึกซ้อม
มาร์เซโล บิเอลซ่า ใส่ใจทุกรายละเอียดของการฝึกซ้อม

3. นักเตะ

เหล่าขุนพลนักเตะ “ยูงทอง” ฤดูกาล 2019/2020

ขุมกำลังนักเตะของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2019/2020 ฤดูกาลปัจจุบัน มีการเสริมทัพนักเตะไม่มากนัก บ้างก็ซื้อขาด บ้างก็ยืมตัว ปล่อยตัวหลักไปบ้างก็มี แต่นักเตะหลายคนที่ถูกดึงเข้ามาร่วมทีม ส่วนใหญ่ก็ทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ แม้จะไม่ค่อยมีนักเตะที่พอมีชื่อเสียงอยู่ในทีมแต่พวกเขาก็มีความสามารถในการโชว์ฟอร์มสุดยอดเยี่ยมพาทีมไปในอยู่อันดับลุ้นเลื่อนชั้นได้ โดยนักเตะตัวหลักที่สำคัญเริ่มตั้งแต่

กีโก้ กาซีย่า ผู้รักษาประตูสัญชาติ สเปน วัย 33 ปี อดีตนักเตะของสโมสร “ราชันชุดขาวเรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่ของลาลีกา สเปน ย้ายมาในปี 2019 ลงเป็นตัวหลักเฝ้าเสาให้กับสโมสรอย่างต่อเนื่องพร้อมโชว์ฟอร์มคงเส้นคงวา

เลียม คูเปอร์ เซ็นเตอร์แบ็คกัปตันทีม สัญชาติ อังกฤษ วัย 28 ปี รายนี้ก็ลงบัญชาการแดนหลังให้กับสโมสรอย่างต่อเนื่อง

เบน ไวต์ เซ็นเตอร์แบ็คดาวรุ่ง วัย 22 ปี ยืมตัวมาจากสโมสร ไบรท์ตัน เป็นตัวหลักในแดนหลังของทีม พร้อมโชว์ฟอร์มสุดประทับใจ ลงเล่นไปถึง 37 นัด ไม่แน่ว่าจบฤดูกาลนี้ ลีดส์ อาจทำการเจรจาซื้อขาดเกิดขึ้นดาวรุ่งรายนี้ก็เป็นได้

ลุค เอย์ลิง แบ็คขวา วัย 28 ปี อดีตนักเตะเยาวชนของสโมสร อาร์เซน่อล ชาวอังกฤษ เป็นตัวหลักของทีมอย่างยาวนาน แถมในยุคของ มาร์เซโล บิเอลซ่า เจ้าตัวก็พัฒนาฝีไม้ลายมือเพิ่มมากขึ้นจนโชว์ฟอร์มและทำประตูสำคัญให้ทีมมาแล้ว

คาลวิน ฟิลลิปส์ มิดฟิลด์ตัวรับ วัย 24 ปี ขวัญใจของสาวก “ยูงทอง” อยู่กับทีมมาตั้งแต่เป็นเยาวชน ทำผลงานได้ดีในการลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับให้กับทีม ลงสนามในลีกถึง 31 นัดด้วยกัน

ปาโบล เอร์นานเดซ มิดฟิลด์เชิงสูงมากประสบการณ์ วัย 35 ปี ชาวสเปน เป็นหัวใจแกนกลางในการสร้างสรรค์และบัญชาเกมของ ลีดส์ ยูไนเต็ด เลยทีเดียว ถึงแม้อายุจะมากแล้วก็ตาม แต่เขาก็ได้รับโอกาสเป็นตัวหลักของสโมสรอย่างต่อเนื่อง โดยลงเล่นไป 28 นัด ทำได้ 8 ประตูและแอสซิสต์ 8 ลูกด้วยกัน

แจ๊ค แฮร์ริสัน ปีกซ้าย วัย 23 ปี ยืมตัวมาจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมยักษ์ใหญ่จากพรีเมียร์ลีก สามารถยึดตำแหน่งเป็นตัวหลักของทีม โดยลงเล่นไปถึง 37 นัดในลีก พร้อมยิง 5 ประตูและแอสซิสต์อีก 7 ลูก

เอลแดร์ คอสต้า ปีกขวาตัวจี๊ด อายุ 26 ปี สัญชาติ โปรตุเกส ยืมตัวมาจากสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน วอนเดอเรอร์ส ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับทีมถึง 37 นัดในลีก พร้อมยิง 3 ประตูและแอสซิสต์ให้เพื่อน 3 ลูก

แพทริค แบมฟอร์ด กองหน้าคนสำคัญของทีม ลงเล่นในลีก 37 นัด ยิงให้กับทีมไปแล้ว 13 ประตู

ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ กองหน้าดาวรุ่งวัย 21 ปี ที่ได้รับโอกาสลงสนามในลีก 14 นัด ทำได้ 3 ประตู

นี่คือขุมกำลังนักเตะตัวหลักที่ช่วยกันโชว์ฟอร์มในสนาม เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมภายใต้การคุมทัพของ มาร์เซโล บิเอลซ่า จนสามารถรั้งอันดับ 1 ของตารางคะแนนลีกแชมป์เปี้ยนชิพในเวลานี้

เบน ไวท์ และ แพททริค แบมฟอร์ด 2 ผู้เล่นคนสำคัญของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด
ปาโบล เอร์นานเดซ หัวใจแดนกลางของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด

4. ฟอร์มการเล่น

พวกเขาร้อนแรงสุดๆจากผลงาน ชนะ 5 นัดรวดติดต่อกันก่อนเลื่อนโปรแกรมแข่งออกไปอย่างไม่มีกำหนด

มาร์เซโล บิเอลซ่า ชอบใช้ระบบ 4-1-4-1 และ 3-3-1-3 โดยจุดเด่นของแผนคือเขาชอบที่จะให้ลูกทีมเน้นครองเกม มีสไตล์การเล่นที่สวยงาม เน้นพละกำลังในการเข้าบีบเพรสซิ่ง เน้นการต่อบอลระยะสั้น สร้างโอกาสในการยิงไกล เกมรุกของปีกทั้งสองข้างที่มีความคล่องตัวและเปิดบอลจากด้านข้างให้กองหน้าทำประตู แดนกลางที่มีมิติในการสร้างสรรค์เกมและสอดขึ้นมาทำประตูได้เป็นประจำ แต่จุดด้อยของทีมคือการป้องกันลูกกลางอากาศที่เป็นปัญหาของทีมและการใช้โอกาสเปลืองในการทำประตู แต่ถ้าใครได้ชมเกมการเล่นของ ลีดส์ ต่างกล่าวว่าเป็นทีมที่สไตล์การเล่นต่างจากทีมร่วมลีกทีมอื่นอย่างสิ้นเชิง

ซีซั่นที่แล้วพวกเขาไ่ม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นตลอดฤดูกาลได้ ทำได้เพียงจบอันดับ 3 ของตาราง แถมยังตกรอบเพย์ออฟเลื่อนขึ้นชั้นต่อ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ อย่างชอกช้ำในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด แต่ฤดูกาลนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด กำลังมีโอกาสขึ้นไปอยู่บนลีกสูงสุดในรอบ 16 ปี อีกครั้ง เปรียบเทียบผลงานในสนามของฤดูกาลนี้กับผลงานของฤดูกาลที่แล้ว โดยนับจำนวนที่ทำการลงแข่งขันเท่ากันที่ 37 นัด แยกสถิติได้ดังนี้

สถิติในฤดูกาล 2018/2019 ทำผลงาน ชนะ 22 นัด เสมอ 7 นัด แพ้ 8 นัด ยิงได้ 63 ประตู เสียประตู 38 ประตู ผลต่างประตูได้-เสียอยู่ที่ +25 มี 73 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของตารางในขณะนั้น โดยแบ่งสถิติการลงเล่นเกมเหย้าทั้งหมด 18 นัด ชนะ 12 นัด เสมอ 3 นัด แพ้ 3 นัด ยิงได้ 32 ประตูและเสีย 15 ประตู เก็บคะแนนเกมเหย้าได้ทั้งหมด 39 แต้ม ส่วนผลงานเกมเยือนลงเล่นทั้งหมด 19 นัด ชนะ 10 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 5 นัด ยิงได้ 31 ประตูและเสีย 23 ประตู เก็บคะแนนเกมเยือนได้ทั้งหมด 34 แต้ม

สถิติในฤดูกาล 2019/2020 ทำผลงาน ชนะ 21 นัด เสมอ 8 นัด แพ้ 8 นัด ยิงได้ 56 ประตู เสียประตู 30 ประตู ผลต่างประตูได้-เสียอยู่ที่ +26 มี 71 คะแนน รั้งอันดับ 1 ของตาราง โดยแบ่งสถิติการลงเล่นเกมเหย้าทั้งหมด 18 นัด ชนะ 11 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 3 นัด ยิงได้ 26 ประตูและเสีย 13 ประตู เก็บคะแนนเกมเหย้าได้ทั้งหมด 37 คะแนน ส่วนผลงานเกมเยือนลงเล่นทั้งหมด 19 นัด ชนะ 10 นัด เสมอ 4 นัด แพ้ 5 นัด ยิงได้ 30 ประตูและเสีย 17 ประตู เก็บคะแนนเกมเยือนได้ทั้งหมด 34 แต้ม

จากสถิติที่กล่าวมา ลีดส์ ยูไนเต็ด ซีซั่นนี้พวกเขาเก็บแต้มน้อยกว่าฤดูกาลที่แล้ว 2 คะแนน แต่ยังรั้งจ่าฝูงของลีก มีคะแนนนำห่างกับสโมสร เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อันดับ 2 ของตาราง เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น แต่พวกเขามีคะแนนนำห่างจากโซนเพย์ออฟอันดับ 3 อย่าง ฟูแล่ม ถึง 7 คะแนนด้วยกัน โดยตอนนี้เหลือการแข่งขันอีกเพียง 9 นัดเท่านั้น ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดจากการระบาดของเชื้อ โควิด-19 ผลงาน 5 นัดล่าสุดของ ลีดส์ พวกเขาชนะเอาชนะคู่แข่ง 5 นัดรวดติดต่อกัน หากสถานการณ์สงบลงจนสามารถทำการแข่งขันตามโปรแกรมที่เหลือได้ ถ้าพลพรรค “ยูงทอง” ยังคงรักษาฟอร์มกันเล่นเอาไว้ได้และสามารถเก็บชัยชนะได้อีก 7 นัด ก็การันตีการเลื่อนขึ้นชั้นโดยอัตโนมัติได้ทันที

5. แฟนบอล

เหล่าบรรดาสาวกของทีม

สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อตั้งสโมสรมาร่วม 101 ปี เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน มีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างมาก ทั้งสีเสื้อของชุดแข่งชุดเหย้าที่ใช้สีขาวล้วน มีฉายาว่า Peacock หรือ “ยูงทอง” อีกทั้งความสวยงามของสนาม ผลงานความยิ่งใหญ่ในยุคก่อนที่สามารถคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว ลีดส์ มีฐานแฟนบอลเหนียวแน่น ทั้งในตัวเมืองลีดส์เองหรือแฟนบอลในที่ต่างๆทั่วโลก รวมถึงแฟนคลับในประเทศไทยของเราด้วย แฟนบอลให้การสนับสนุนสโมสรเป็นอย่างมาก เข้ามาชมเกมในสนาม เอลแลนด์ โร้ด รังเหย้าของสโมสรเต็มความจุทุกนัดโดยไม่ว่าผลงานของทีมจะเป็นอย่างไร อีกทั้งเกมเยือนเหล่าบรรดาแฟนบอลต่างยกพลไปให้กำลังใจกับทีมโปรดกันอย่างหนาแน่น เคยมีอดีตนักเตะสตาร์ดังหลายรายที่ได้โชว์เพลงแข้งให้กับสโมสรนี้อย่างมากมาย

ปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 16 ปีเต็มกับการรอคอยของเหล่าบรรดาแฟนบอล ที่หวังให้ทีมรักของตนกลับมาโลดแล่นในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอีกครั้งและกลับมาสร้างตำนานความยิ่งใหญ่เหมือนเช่นในอดีต ซึ่งดูเหมือนว่าฤดูกาลนี้พวกเขากำลังจะสิ้นสุดการรอคอยอันแสนนานนี้เสียที เพราะปัจจุบัน ลีดส์ ยูไนเต็ด นำจ่าฝูงของศึกฟุตบอลแชมป์เปี้ยนชิพ อังกฤษ โดยเหลือการแข่งขันอีก 9 นัดเท่านั้น ซึ่งตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงอดทนรออีกนิด ให้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เบาบางลงจนสามารถทำการแข่งขันต่อได้ เมื่อการแข่งขันของฤดูกาลนี้จบลง เราอาจจะได้เห็นทีมน้องใหม่หน้าเก่าที่ห่างหายไปนาน ที่มีชื่อสโมสรว่า ลีดส์ ยูไนเต็ด กลับมาโลดแล่นบนลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษอีกครั้ง

สนาม เอลแลนด์ โร็ด (Elland Road Stadium) ความจุ 37,890 ที่นั่ง
Photo : Leeds United
We Are Leeds
พวกเขาจะสามารถคว้าตั๋วเลื่อนชั้นได้หรือไม่

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%94
https://www.whoscored.com/Teams/19/Show/England-Leeds
https://www.sportsmole.co.uk/football/leeds-united/2019-20/fixtures-and-results.html
https://web.facebook.com/lufcthailand?_rdc=1&_rdr
https://www.sofascore.com/tournament/football/england/championship/18
https://www.11v11.com/teams/leeds-united/tab/leagueTables/13-march-2019/
https://totalfootballanalysis.com/head-coach-analysis/marcelo-bielsa-leeds-united-tactical-analysis-statistics
https://www.transfermarkt.com/leeds-united/startseite/verein/399?saison_id=2019
https://en.wikipedia.org/wiki/Andrea_Radrizzani

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้