Home บทความฟุตบอล เจอร์เก้น คล็อปป์ จากเด็กบ้านนอกสู่ยอดกุนซือยุคปัจจุบัน

เจอร์เก้น คล็อปป์ จากเด็กบ้านนอกสู่ยอดกุนซือยุคปัจจุบัน

0
เจอร์เก้น คล็อปป์ จากเด็กบ้านนอกสู่ยอดกุนซือยุคปัจจุบัน

มันเป็นความทรงจำครั้งแรกที่ เยนส์ ฮาส คิดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อนร่วมชั้นเรียนระดับประถมมีความใฝ่ฝันว่า อยากเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล ซึ่งในวัย 11 ปี ทั้งคู่กำลังนั่งรถไปเล่นให้กับทีมเยาวชนของ เอสวี แกล็ตเท่น พร้อมกับฟังบรรยายการแข่งขันของ สตุ๊ตการ์ท ทีมรักผ่านทางวิทยุ

ในเวลานั้น เจอร์เก้น กำลังวิเคราะห์แท็คติคของ สตุ๊ตการ์ท อย่าวเข้มข้น พร้อมทั้งระบุว่าพลพรรค “ม้าขาว” จำเป็นต้องเปลี่ยนนักเตะสำรอง 2 คน เพื่อปรับรูปแบบของเกมให้ได้เปรียบ และในอีกไม่กี่นาทีต่อมาผู้บรรยายทางวิทยุบอกว่า สตุ๊ตการ์ท ได้เปลี่ยนผู้เล่น 2 ราย ซึ่งมันเป็นจริงตามที่ คล็อปป์ คิดไว้

ฮาส เริ่มเล่าว่า “ผมรู้สึกมหัศจรรย์กับความรู้ และความเข้าใจในเกมฟุตบอลของเขา บางครั้งผมคิดว่า ในตอนนั้นเขากำลังเป็นผู้จัดการทีมอยู่แล้วด้วยซ้ำ”

Photo : theguardian.com

ความเคารพจากคนรอบข้าง

คล็อปป์ ได้ความเคารพอย่างสูงที่ ไมนซ์ อดีตต้นสังกัดสมัยที่เขายังเป็นนักเตะ และเป็นทีมแรกในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งในการทำหน้าที่กุนซือนั้น เขาสามารถพาสโมสรขึ้นมาเล่นในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดระยะเวลา 7 ปีกับ ไมนซ์ คล็อปป์ ตัดสินใจย้ายไปคุม ดอร์ทมุนด์ พร้อมกับพาทัพ “เสือเหลือง” ท้าทายมหาอำนาจวงการลูกหนังเมืองเบียร์อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ได้อย่างสนุก

ตอนนี้ คล็อปป์ สร้าง ลิเวอร์พูล ให้กลายเป็นยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษ พร้อมกับพา “หงส์แดง” คว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ, แชมป์สโมสรโลก และกำลังจะคว้าแชมป์ลีกครั้งในรอบ 30 ปีของสโมสร ก่อนฤดูกาลจะพักเบรคชั่วคราวจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 

ความเป็นกันเองกับลูกทีม, ผู้บริหาร และแฟนบอล รอยยิ้ม รวมถึงอารมณ์ขันที่มีให้กับบรรดานักข่าว ท่าทางการสวมกอดที่อบอุ่นเมื่อเกมจบนั้น ทำให้ทุกคนในวงการฟุตบอลมักจะชื่นชอบผู้จัดการทีมชาวเยอรมันคนนี้

Photo : bbc.com

เติบโตจาก แกล็ตเท่น แบล็ค ฟอร์เรสต์

เรื่องราวอันน่าประทับใจต่างๆของชายชื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มต้นจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในแถบ แกล็ตเท่น แบล็ค ฟอร์เรสต์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กก่อนจะกลายมาเป็นผู้จัดการทีมที่โด่งดังอย่างเช่นทุกวันนี้

ถนนทอดยาวเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี 2 ข้างทางเรียบแม่น้ำ แกล็ต เป็นเส้นทางที่ ฮาส และ คล็อปป์ มักจะปั่นจักรยานเล่นด้วยกัน และทั้งคู่มักจะนัดเจอกันบริเวณนี้เพื่อนั่งรถบัสไปแข่งขันในนามทีมเยาวชนของ เอสวี แกล็ตเท่น

เมื่อเดินไปตามเส้นทางนี้เราจะพบบ้านหลังใหญ่ซึ่ง คล็อปป์ เคยอาศัยอยู่ที่นี่ และปัจจุบันคุณแม่ของเขาก็ยังคงอาศัยอยู่ โดยบ้านหลังนี้อยู่ตรงข้ามกับศาลากลางเมืองแห่งใหม่ และถัดไปจากนั้นไม่ไกลนักคือ โรงเรียนประถมที่ คล็อปป์ และ ฮาส เคยเรียนด้วยกัน

หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ท่ามกลางเนินเขา สวาเบีย มันเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยนกกาเหว่า เครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม และอาหารมากมายนานาชนิด ซึ่งตั้งอยู่ในตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมัน และมันเป็นสถานที่ที่ คล็อปป์ มีความรู้สึกอิสระห่างไกลจากเมืองอุตสาหกรรม และความวุ่นวายอย่าง ไมนซ์, ดอร์ทมุนด์ หรือ ลิเวอร์พูล

ฮาส เล่าต่อว่า “ผู้คนที่นี่ค่อนข้างเงียบ และดิบๆหน่อย พวกเขาระมัดระวังในเรื่องการใช้เงิน ชอบทำงานหนัก และตัดสินคนในสิ่งที่พวกเขาทำ คนสวาเบียนใช้เล็กน้อยเพื่อกระตุ้นตัวเองก่อนจะทำงาน แต่เมื่อคุณเป็นเพื่อนของเรา คุณจะเป็นเพื่อนเราไปตลอดชีวิต มันเป็นสถานที่ที่ดีมากที่จะเติบโตขึ้นมา คุณมีเวลาสำหรับตัวเอง และคุณสามารถมุ่งมั่นกับสิ่งที่คุณต้องการได้”

คล็อปป์ มีพี่สาว 2 คนที่เขามักบอกว่า มีลักษณะเหมือนคุณแม่ของตัวเอง ส่วน นอร์เบิร์ต คุณพ่อของเขาเป็นพนักงานขายของ และเป็นอดีตผู้รักษาประตูของทีมสมัครเล่น ซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เขาเข้าสู่วงการกีฬา

Photo : bbc.com

เข้าสู่วงการลูกหนัง

อูลไรช์ ราธ โค้ชคนแรกของ คล็อปป์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งทีม เอสวี แกล็ตเท่น ชุดอายุต่ำกว่า 11 ปี เมื่อปี 1972 พร้อมให้ลูกชายของเขา 2 คน อย่าง อินโก และ ฮาร์ติ ได้ลงเล่นร่วมกับ คล็อปป์ และ ฮาส เล่าว่า “นอร์เบิร์ต มีอิทธิพลอย่างมากกับ เจอร์เก้น เขาเป็นคนสร้าง เจอร์เก้น ขึ้นมา”

“นอร์เบิร์ต ไม่ได้เกิดที่ แกล็ตเท่น เขามาจากแถบไรน์แลนด์-พาลาติเนตใกล้กับ ไมนซ์ ซึ่งคนที่นั่นชอบเฉลิมฉลองงานรื่นเริงต่างๆ แต่ในแกล็ตเท่น แบล็ค ฟอเรสต์ เราไม่ทำแบบนั้น นอร์เบิร์ต เป็นคนมีความกระตือรือร้นมากๆไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอล หรือ เทนนิส และ เจอร์เก้น ก็เป็นคนที่มีคารมคมคาย มีความกระตือรือร้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้รับมาจากคุณพ่อ”

“แม่ของ คล็อปป์ มีพื้นเพดั้งเดิมจาก แกล็ตเท่น แบล็ค ฟอเรสต์ คนที่นี่เงียบสงบ และผ่อนคลาย แต่พวกเขาทำงานหนักเสมอ พวกเขาแข็งแกร่ง เมื่อ เจอร์เก้น กระโดดดีใจ ผมเห็น นอร์เบิร์ต ในตัวเขา แต่เมื่อเขาปิดประตูเข้าบ้านผมจะเห็นความสงบ และความแข็งแกร่งในตัวเขาเหมือนกับคุณแม่”

คล็อปป์ เป็นกองกลาง และสวมปลอกแขนกัปตันทีม เอสวี แกล็ตเท่น จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนปลายเขาได้ย้ายไปเล่นให้กับ TuS Ergenzingen ซึ่งเป็นทีมที่ใหญ่กว่า และอยู่ห่างออกไป 15 ไมล์ โดย ราธ อธิบายว่า เขาเป็น ผู้แพ้ที่แย่ แต่เป็น ผู้นำโดยธรรมชาติ

ราธ วัย 79 ปี เล่าต่อว่า “เจอร์เก้น มักจะยืนอยู่แถวหน้าเสมอ และเขาพร้อมจะพูดขึ้นมาเมื่อมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขามีความทะเยอทะยาน เขาจะบอกเพื่อนร่วมทีมของเขาเสมอว่า ไปลุยกัน แล้วคอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม”

สนามเหย้าของ เอสวี แกล็ตเท่น ที่ คล็อปป์ เคยลงแข่งขันนั้น มีต้นสนสูงใหญ่เรียงรายตามแนวแม่น้ำ ซึ่ง ฮาส จำได้ว่า พวกเขาเตะบอลหลายๆลูกหล่นหายไป มันเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่สวยงาม และเขาก็ยังไม่ลืมมาจนถึงทุกวันนี้

ในปี 1981 เอสวี แกล็ตเท่น ได้ย้ายสนามเหย้าข้ามหมู่บ้านไปยังสปอร์ตคลับแห่งใหม่ ซึ่งสีประจำของทีมในเวลานั้นคือ เหลือง-ดำ มัน มันน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เพราะมันเป็นสีประจำของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรที่ คล็อปป์ ประสบความสำเร็จในอาชีพกุนซือ

สปอร์ตคลับแห่งนี้มีภาพถ่ายของ คล็อปป์ ในช่วงเวลารุ่งโรจน์กับ ดอร์ทมุนด์ พร้อมทั้งลายเซ็นของเขาที่มอบให้กับบ้านเกิดด้วยความภาคภูมิใจ และนี่เป็นเคยเป็นสถานที่ที่ใช้เฉลิมฉลองเมื่อ คล็อปป์ พา “เสือเหลือง” คว้าแชมป์บุนเดสลีกา เมื่อปี 2011

ฮาส เล่าต่อว่า “มันน่าทึ่งมาก ในมุมหนึ่งเขาเป็นโค้ชชั้นยอดของ ดอร์ทมุนด์ และอีกมุมหนึ่งเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของผม เขาเป็นที่สนใจของทุกคนในหมู่บ้าน และเขายังคงพูดด้วยสำเนียงท้องถิ่นกับทุกๆคน”

ขณะที่ ราธ ไม่ได้เจอ คล็อปป์ มานานมาก แต่มันเป็นความรู้สึกตื้นตันใจเมื่อมีเบอร์โทรศัพท์ไม่คุ้นเคยโทรมาอวยพรวันเกิดในวัย 75 ปี ซึ่งเบอร์นั้น คือ อดีตลูกทีมเก่าของเขาอย่าง คล็อปป์ โดยเล่าว่า “เขาโทรมาแสดงความยินดีกับผม และอวยพรให้ผมพบแต่เรื่องดีๆ ที่นี่คือบ้านของเขา และเขาไม่เคยลืมเรื่องนั้นเลย”

Photo : thisisanfield.com

เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ

หลังย้ายออกจาก เอสวี แกล็ตเท่น คล็อปป์ ได้ลงเล่นให้กับสโมสรสมัครเล่นหลายแห่งรวมถึง ร็อท-ไวส์ แฟรงค์เฟิร์ต และเขาก็ได้เข้ารับศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาในมหาวิทยาลัยในเมืองดังกล่าว

ในปี 1990 เมื่ออายุ 23 ปี คล็อปป์ ย้ายไปทางตะวันตก 30 ไมล์ เพื่อเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลแบบกึ่งอาชีพกับ ไมนซ์ 05 สโมสรในดิวิชั่น 2 ยองเยอรมัน ซึ่งจากบุคลิกของ และความมุ่งมั่นของเขาทำให้ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดจาก มิคาเอล ชูมัคเกอร์ กัปตันทีม

ชูมัคเกอร์ วัย 62 ปี กำลังนั่งอยู่ในห้องสูทที่สนามกีฬาแห่งใหม่ของไมนซ์ ที่มีความจุ 34,000 ที่นั่ง กล่าวว่า “คล็อปป์ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก และบุคลิกภาพส่วนตัว เขามักจะใส่กางเกงยีนส์ และเสื้อยืด เขาเป็นคนง่ายๆสบาย ๆ และไม่เคร่งเครียด”

เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของ คล็อปป์ อาจไม่สวยงามนัก เขามักจะเปิดเผยอย่างอารมณ์ดีอยู่เสมอว่า ตัวเองเป็นได้แค่นักเตะดิวิชั่น 2 แต่ความคิดเรื่องราวต่างๆ และรายละเอียดในเกมนั้น จัดอยู่ในดิวิชั่นหนึ่ง  

ชูมัคเกอร์ กล่าวเสริมว่า “เมื่อเขาย้ายมาเล่นกับเรา เขาเป็นกองหน้า เขามีความเร็ว และเล่นลูกโด่งได้ดี แต่เขาต้องดิ้นรนอย่างมากในด้านเทคนิค มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา เมื่อโฆษกประกาศ เจอร์เก้น ลงสนาม แฟนๆจะส่งเสียงโห่”

“ผมจำได้ว่าหลังจบเกมที่เรานั่งอยู่ในสระว่ายน้ำเพื่อนวดผ่อนคลายด้วยพลังน้ำ เจอร์เก้น พูดกับผมว่า ผมจะทำอะไรได้บ้าง โค้ชก็ต้องการจะส่งผมลงสนาม เขารู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่เก่งที่สุด แต่เขาทำในสิ่งที่ควรทำอยู่เสมอ”

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ถูกเปลี่ยนตำแหน่งจากกองหน้าไปเป็นกองหลังภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โวล์ฟกัง แฟรงค์ และนั่นทำให้เจ้าตัวที่มีความสูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้ว ประความสำเร็จที่ ไมนซ์ ซึ่งเขาลงเล่นไปมากถึง 325 เกมตลอดระยะเวลา 11 ปี กับสโมสร

Photo :swr.de

ก้าวแรกในอาชีพผู้จัดการทีม

อย่างไรก็ตาม การที่ ไมนซ์ ตัดสินใจแต่งตั้ง คล็อปป์ ให้เป็นเทรนเนอร์ในปี 2001 นั้น กลับเป็นการทำให้เขาแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้ดีที่สุด ซึ่งในเวลานั้น สโมสรกำลังสุ่มเสี่ยงต่อการตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 3 อยู่เต็มทีแล้ว

แฮรัลด์ สตรั๊ท อดีตประธานสโมสร ไมนซ์ ในช่วงปี 2001 กล่าวว่า “สถานการณ์ คือ เราใช้ผู้จัดการทีมไป 3 คนในช่วงเวลาไม่นาน เรามีเกมที่สำคัญมาก ผมจึงบอกนักเตะว่า ถ้าไม่มีใครมาช่วยทีมเรา พวกเขาต้องทำมันด้วยตัวเอง”

“เจอร์เก้น คล็อปป์ เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นเต็มที่ เขาเป็นคนธรรมดาที่มีบุคลิกพิเศษ คุณสามารถเห็นได้ในทุก ๆ เกมว่า เขาเป็นผู้นำทีม คุณจะเห็นว่า แฟนบอลทุกๆคนรู้สึกประทับใจกับบุคลิกของเขามาก”

“เราตัดสินใจที่จะแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการทีม และนั่นเป็นเหมือนการปลดปล่อยอารมณ์ออกมาสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ และมันก็เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสโมสรแห่งนี้”

ผลกระทบเชิงบวกนั้นเกิดขึ้นในทันที ไมนซ์ เอาชนะ ดุ๊ยส์บวร์ก 1-0 ในเกมแรกที่ คล็อปป์ คุมทีม  และพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 6 จาก 7 เกม จนในที่สุดก็สามารถหนีโซนตกชั้นได้สำเร็จ จากนั้น 2 ปี ไมนซ์ เจอความท้าทายครั้งใหญ่ด้วยการมีโอกาสเลื่อนชั้นในเกมสุดท้ายของซีซั่น แต่น่าเสียดายที่พวกเขาทำไม่สำเร็จทั้ง 2 ปี

แม้จะพบกับความผิดหวังที่เลื่อนชั้นไม่สำเร็จ แต่ คล็อปป์ สร้างความประทับใจให้กับ สตรั๊ท เมื่อเขาพูดหยิบไมโครโฟนพูดสิ่งที่อยู่ในใจต่อหน้าแฟนบอลกว่า 15,000 คนมารวมตัวกันที่หน้าโรงละครในจตุรัสหลักของ

สตรั๊ท เล่าว่า “ทุกคนกำลังร้องไห้ แต่ เจอร์เก้น ขึ้นไปบนเวที และบอกพวกเขาว่า เราจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้วลองทำมันอีกครั้ง มันน่าประทับใจมากสำหรับทุกคนที่ได้เห็นความแข็งแกร่งแบบนี้จากเขา เขามักใช้คำพูดได้อย่างเหมาะสม”

จากน้ำตาแห่งความผิดหวัง กลายเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เมื่อฤดูกาลต่อไป ไมนซ์ ภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์ เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในศึกบุนเดสลีกาเป็นครั้งแรกของสโมสรได้สำเร็จ

สตรั๊ท กล่าวต่อว่า “เจอร์เก้น บอกผมว่า เราจะมีค่ำคืนอันงดงาม เขาบอกด้วยว่า เขาเห็นภาพแบบนี้ร่วมกับผม เขาไม่เคยลืมเลย เรายืนอยู่หน้าผับตอนตี 3 เรามีความสุข หัวเราะ ยิ้ม และดื่มกันอย่างสนุกสนาน”

Photo :fr24news.com

สร้างชื่อกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์  

ไมนซ์ ใช้เวลา 3 ฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมในศึกบุนเดสลีกา มันเป็นเวลาเพียงพอที่ คล็อปป์ จะแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นสุดยอดโค้ชจอมแท็คติค มีเสน่ห์ และสามารถสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้าง รวมถึงเป็นชายที่ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอลเยอรมัน

“เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับ ไมนซ์ แม้พวกเขาจะมีตัวผู้เล่นไม่ค่อยดีนัก แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้ เพราะพวกเขาจิตวิญญาณนักสู้เยอะมาก”

“สำหรับสาธารณชนทั่วไปเขาสร้างความประทับใจอย่างแท้จริงระหว่างการแข่งขันศึกฟุตบอลโลกในปี 2006 เมื่อเขาเป็นผู้วิเคราะห์เกมทางทีวี และสำหรับชาวเยอรมัน มันเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เห็นผู้ชายคนนี้มีความสามารถในการวิเคราะห์เกมสูงมาก แต่ก็ยังซ่อนความสนุกสนานไปด้วย เขามีเสน่ห์มาก มันยอดเยี่ยมมาก” ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เค่ ประธานบริหารของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กล่าว

ในปี 2008 จัตุรัสหลักของ ไมนซ์ แฟนบอลต้องน้ำตาท่วมเมืองมากกว่าทุกครั้งเมื่อ คล็อปป์ กล่าวอำลาสโมสรย้ายไปคุม ดอร์ทมุนด์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความผูกพันกับสาวก “เสือเหลือง” หรือที่เรารู้จักกันในนาม “กำแพงสีเหลือง” แห่งถิ่น เวสฟาเล่น สตาดิโอน

สไตล์ฟุตบอล “เฮฟวีเมทัล” ผสมผสานกับแท็คติคของ คล็อปป์ ได้เปลี่ยน ดอร์ทมุนด์ ที่เป็นยักษ์หลับในเวลานั้น ให้กลายเป็นทีมที่น่าตื่นเต้นที่สุดในวงการลูกหนังเมืองเบียร์ และวงการฟุตบอลยุโรป พร้อมกับกวาดแชมป์ลีก 2 สมัยติดต่อกันในปี 2010-2012 รวมถึงเช้ารอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2013

วัตซ์เค่ เล่าต่อว่า “เขาสร้างสปิริตใหม่ให้กับทีม เขาทำให้เราเล่นฟุตบอลอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งต่างจากสิ่งที่เราเล่นมาก่อนหน้านี้ ก้าวร้าว พละกำลัง และเขาจะคอยกระตุ้นอยู่ข้างสนาม แฟนๆ และนักเตะรักเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาคุมทีม เมืองทั้งหมดแทบจะอยู่นอกเหนือการควบคุมไปแล้ว”

ความโด่งดังของ คล็อปป์ เกิดขึ้นในวิดีโอที่มาจากกล้องของเฮลิคอปเตอร์ในขบวนฉลองแชมป์ของ ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2011 โดยแฟนบอลได้ร้องเพลงประจำตัวเขาที่มีชื่อว่า Kloppo du Popstar’ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทั่วเมือง คล็อปป์ โผล่ออกมาสูบบุหรี่พร้อมกระโดดโลดเต้นบนเวที และเตะลูกฟุตบอลมอบให้กับสาวก “เสือเหลือง” ที่มาร่วมเฉลิมฉลองรวมทั้งโบกมือให้กับทุกๆคน

อูลี่ กราฟ เพื่อนสนิทของ คล็อปป์ และเป็นคนแต่งเพลง ‘Kloppo du Popstar’ ซึ่งเคยขึ้นไปถึงอันดับ 2 ในชาร์ตเพลงของเยอรมัน กล่าวว่า “เขาเป็นหนึ่งในชายที่โด่งดังที่สุดในเยอรมนี แต่เขาไม่อยากเป็น ป๊อปสตาร์หรอกนะ เขาเป็นคนของสาธารณชน เป็นเด็กจากแบล็ค ฟอเรสต์ ซึ่งกลายมาเป็นฮีโร่”

กราฟ เล่าถึง คล็อปป์ ต่ออีกว่า “การใช้เวลาอยู่กับเขามันสนุกมากที่สุดเท่าที่คุณเคยเจอมา คุณจะหัวเราะ ล้อเล่น และสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการเมืองหรือกีฬากับเขาได้ เขาเป็นคนฉลาด และเฉียบแหลมมาก คุณไม่ต้องกลัวสิ่งที่คุณพูดกับเขาเลย”

Photo : scroll.in

สุดยอดกุนซือยุคปัจจุบัน

โค้ชทีมฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม นักเอ็นเตอร์เทนที่สุดมันส์ และเพื่อนร่วมงานที่สุดยอดในช่วงวันหยุด แต่พรสวรรค์ของ คล็อปป์ ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะหากสปอนเซอร์ ดอร์ทมุนด์ รายใดลังเลที่จะต่อสัญญาออกไปพวกเขาจะได้รับโทรศัพท์โดยตรงจาก คล็อปป์

คาร์สเต็น เครเมอร์ อดีตหัวหน้าทีมการตลาดของ ดอร์ทมนุด์ ในช่วง 7 ปีที่ คล็อปป์ คุมทีม และปัจจุบันเป็นเป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร “เสือเหลือง” เล่าว่า “เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นความฝันอยากเป็นนักการตลาด”

“คนที่บุคลิกแบบ เจอร์เก้น ทำงานให้กับสโมสรที่เต็มไปด้วยอารมณ์อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นั้นดูเหมาะสมอย่างยิ่ง เขาสามารถทำให้สโมสรแห่งนี้มีเอกลัษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร เขาเป็นเหมือนอาวุธชั้นดี เขารอบรู้ในทุกๆเรื่อง เขาทำงานให้เราด้วยวิธีที่สุดยอด และ สปอนเซอร์ ทั้งหมดต่างประทับใจที่ผู้จัดการทีมของ ดอร์ทมุนด์ โทรมาขอให้พวกเขาขยายสัญญาออกไป”

5 ปี หลังจากแยกทางกัน เครเมอร์ และ วัตซ์เค่ ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกับ คล็อปป์ เช่นเดิม และพวกเขาทั้งคู่ได้เป็นแขกรับเชิญเพื่อเข้าชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเคียฟ และ มาดริด อีกด้วย

“ถ้าคุณทำงานร่วมกับคนอย่าง เจอร์เก้น เป็นเวลา 7 ปี มันคงเป็นการโกหกที่จะบอกว่า คุณไม่คิดถึงเขาเลย เขาเป็นคนพิเศษมาก เราเห็นเขามอบความหวัง และพลังงานอันยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่กับสโมสรฟุตบอลลิ เวอร์พูล เท่านั้น แต่เขายังมอบสิ่งเหล่านั้นให้กับทุกคนในเมืองนี้ด้วย นั่นทำให้เรารู้สึกภูมิใจอย่างถึงที่สุด” เครเมอร์ กล่าวปิดท้าย

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้