บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 20 คู่สุดท้ายของคืนอังคาร “เดอะแบ็กกี้ส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน น้องใหม่ของลีก เตรียมเปิดบ้านรับศึกหนักจากทีมสุดแกร่งที่กำลังร้อนแรง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยฟุตบอลนัดนี้มีคิวจะลงสนามดวลแข้งกันในช่วงดีกของคืนวันอังคารที่ 26 มกราคม เวลา 03.15 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้ามืดของวันพุธที่ 27 มกราคม ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม เดอะ ฮอว์ธอร์นส เมืองเวสต์บรอมวิช ประเทศอังกฤษ
เจ้าถิ่น “เดอะแบ็กกี้ส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทีมน้องใหม่ที่อาการหนัดสุดๆ เวลานี้รั้งอยู่อันดับที่ 19 หรือรองบ๊วยของลีก จากผลงานสุดห่วยทำให้ทีมต้องรับนำเข้ากุนซือผู้ชาญการหนีตกชั้น แซม อัลลาร์ไดซ์ เข้ามาคุมทัพ อย่างไรก็ตามอาการของทีมก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่นัก 5 นัดหลังเก็บชัยได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 4 เกมที่เหลือแพ้รวดทั้งหมด นัดล่าสุดบุกไปแพ้ให้กับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 จากผลงานที่ไม่ดีทำให้พวกเขามีแต้มตามหลังทีมในโซนปลอดภัยห่างเป็น 6 คะแนนแล้ว สำหรับสภาพความพร้อมล่าสุดของทีมก่อนจะลงสนามเกมนี้มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บอยู่ 3 รายคือ เกรดี้ เดียนกาน่า, คาร์ลาน แกรนต์ และ คอเนอร์ ทาวน์เซนด์ นอกเหนือจากนี้ทีมยังเจอผู้เล่นที่ติดเชื้อโควิด-19 อีกรายคือ แม็ตต์ ฟิลลิปส์
ทีมเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทัพของยอดโค๊ช เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ช่วงต้นฤดูกาลมีปัญหาอย่างหนักในเรื่องจังหวะการจบสกอร์ทำให้สะดุดทำแต้มหล่นไปหลายเกม แต่ช่วงหลังทีมปรับมาเล่นแผนที่ใช้กองหน้าตัวหลอก(false9) ทำให้พังประตูได้มากขึ้น นอกจากนี้แผงหลังของทีมยังเล่นกันได้อย่างท็อปฟอร์มสุดๆ หลังได้ตัว รูเบน ดิอาส เข้ามาบัญชาการแผงหลัง โดยตลอด 6 เกมหลังสุดในทุกรายการที่ทัพเรือใบสีฟ้าลงเล่นพวกเขาเก็บชัยมาครองได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังเก็บมาได้ถึง 5 คลีนชีทและเสียเพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น ฟอร์มการเล่นในลีกเกมล่าสุดเปิดบ้านพิชิต “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ได้แบบต้องออกแรงเหนื่อยเล็กน้อย 2-0 จากฟอร์มการเล่นสุดโหดทำให้พวกเขาทะยานขึ้นมารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของลีก มีอยู่ 38 คะแนนจากการลงสนาม 18 เกม ซึ่งหากพวกเขาเก็บคะแนนเต็มในเกมนัดตกค้างได้ก็จะขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงของลีกได้ทันที ด้านฟอร์มการเล่นในรายการเอฟเอ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีเสียวเล็กน้อยหลังโดนทีมจากลีกทู เชลเทนแฮม ออกนำไปก่อนแต่ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายมารัวยิงแซงได้ทำให้สามารถผ่านเข้ารอบได้ด้วยสกอร์ 3-1 สำหรับความพร้อมล่าสุดของทีมยังคงขาดศูนย์หน้าตัวเก่งอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่หายจากอาการบาดเจ็บมาแล้ว แต่ดันโชคร้ายไปติดเชื้อโควิด-19ทำให้ต้องกักตัวเองอีกซักระยะ นอกจากนี้ทีมยังมีข่าวร้ายเพิ่ม เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพของทีมมีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมไปถึง นาธาน อาเก้ ที่มีอาการบาดเจ็บอยู่เช่นกัน นอกเหนือจากนี้ผู้เล่นทุกคนที่ไม่ได้กล่าวมายังอยู่ในสภาพพร้อมลงสนามช่วยทีมได้ทั้งหมด
วิเคราะห์ก่อนเกม เมื่อดูจากฟอร์มการเล่นในช่วงหลังยังไม่เห็นมุมไหนเลยที่ ซิตี้ จะไม่มีคะแนนในเกมนี้ ด้วยรูปแบบการเล่นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกมนี้ เวสต์บรอม จะมีผู้เล่น 11 คนยืนตั้งรับอยู่ในแดนตัวเอง พร้อมหาทางโจมตีจากตั้งเตะเป็นหลั แต่แผงหลังของทีมน้องใหม่ในเวลานี้รั่วอย่างหนัก 6 เกมหลังที่ลงสนามโดนถลุงตาข่ายไปถึง 17 ประตู แม้เกมนี้ ซิตี้ จะไม่มีผู้บัญชาการทัพอย่าง เดอ บรอยน์ ก็ยังเชื่อว่าผู้มาเยือนจะหาช่องทางเจาะเข้าไปทำประตูได้ไม่ยาก ด้านเกมรุกของเจ้าบ้านก็ยังดูไร้ระบบไร้ทรงการจะมาเล่นลูกโด่งใส่ผู้มาเยือนคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากจุดอ่อนส่วนนี้ของ ซิตี้ โดนแก้หายสนิทเรียบร้อยแล้วหลังได้คู่หูเซ็นเตอร์แบ็คใหม่ที่ฟอร์มการเล่นไฉไลยิ่งกว่าเดิม โดยผลงาน 10 เกมหลังของเกมรับ ซิตี้ เสียไปเพียงแค่ 2 ประตู และเก็บมาได้ถึง 8 คลีนชีท ด้วยพลังเกมรุกที่ไร้ความดุดันอันตราย เชื่อว่า ดิอาส กับ สโตน จะเก็บศูนย์หน้าของเจ้าบ้านเข้ากระเป๋าได้ไม่ยาก รูปเกมในช่วงแรกผู้มาเยือนอาจจะต้องอึดอัดซักหน่อยที่ต้องเจอกับการเล่นตั้งรับเต็มสูบของเจ้าบ้าน แต่เมื่อเวลาผ่านไปซักระยะแนวรุกของ ซิตี้ น่าจะเบิกสกอร์แรกมาได้และหลังจากนั้นอาจจะได้อีกซักประตูเพื่อปิดเกม ยังไงเกมนี้ก็มองว่าทัพเรือใบจะเก็บ 3 คะแนนเต็มได้ แต่สกอร์อาจจะไม่ได้ขาดลอยนักเมื่อเจ้าบ้านลงมาเพื่อเน้นรับเต็มที่ และเกมนี้ ซิตี้ ต้องขาดผู้นำเกมรุก ยิ่งไปกว่านั้นช่วงหลังจะเห็นได้ว่า เป๊ป นั้นไม่ได้สั่งลูกทีมเดินหน้าฆ่าลูกเดียว แต่กลับมาเน้นการเล่นแบบรัดกุมเคาะบอลปิดเกมเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน (4-2-3-1) : แซม จอห์นสโตน (GK) – ดารา โอเช, ไคล์ บาร์ทลี่ย์, เซมี่ อาจายี่, คีแรน กิ๊บบ์ส – เจค ลิเวอร์มอร์, โรเมน ซอว์เยอร์ส – คามิล โกรซิคกี้, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, มาเธอุส เปเรย์ร่า – คัลลั่ม โรบินสัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์สัน (GK) – ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, ชูเอา คานเซโล่ – ฟิล โฟเด้น,, โรดริ, อิลคาย กุนโดกัน – ริยาด มาห์เรซ, แบร์นาโด้ ซิลวา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ผลสกอร์ที่คาด : เวสต์บรอมวิช 0 – 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้