วิเคราะห์บอล ลิเวอร์พูล vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/21 โปรแกรมการแข่งขันวีคที่ 23 เป็นเกมคู่บิ๊กแมตช์ไฮไลท์ประจำสัปดาห์ เมื่อแชมป์เก่าตกอับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับที่ 4 ของตารางคะแนน เตรียมเปิดรังเหย้ารับการมาเยือนของรองแชมป์เก่าฟอร์มแรง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงของลีกในเวลานี้ โดยทั้งสองทีมจะลงสนามดวลแข้งกันในช่วงดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 23.30 น. ที่สนาม แอนฟิลด์ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ

เจ้าบ้าน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอสใหญ่ชาวเยอรมัน อยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก อย่างที่รู้กันว่าทีมมีปัญหาในแนวรับซึ่งค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า โจเอล มาติป และ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค สองปราการหลังตัวเก่งจะปิดเทอมไปก่อนใคร น่าจะเจอกันอีกทีเปิดการศึกษาเทอมหน้าเลย ส่วน โจ โกเมซ อีกหนึ่งปราการหลังตัวความหวังก็ต้องรอถึงช่วงสอบปลายภาคท้ายเทอมเลยถึงจะได้เห็นห้าเห็นตาอีกที ด้านเกมรุก ดิโอโก้ โชต้า ก็ยังไม่พร้อมลงสนามเช่นกัน แต่ก็มีภาพหลุดออกมาว่าดาวยิงรายนี้เริ่มกลับมาลงซ้อมในสนามได้แล้ว ส่วน ฟาบินโญ่ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมไปถึง อลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่มีอาการป่วยไม่ได้ลงเล่นเกมก่อนหน้านี้มีลุ้นกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ทั้งหมด โดยฟอร์มการเล่นของ หงส์แดง 6 เกมหลังในทุกรายการเก็บชัยได้ 2 เกม เสมอ 1 เกม และแพ้ไปถึง 3 เกม ซึ่งช่วงหลังทีมเหมือนจะเริ่มกลับมาได้ แต่ในเกมนัดล่าสุดก็ยังโชว์ฟอร์มน่าผิดหวังพ่ายคาบ้านเป็นเกมที่สองติดต่อกันให้กับทีมท้ายตารางอย่าง “เจ้านกนางนวลไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 0-1 ส่งผลให้คะแนนหยุดอยู่ที่ 40 แต้มจากการลงสนาม 22 เกม โอกาสที่จะป้องกันแชมป์เริ่มยากเข้าไปทุกขณะ

ด้านผู้มาเยือน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ฟอร์มการเล่นของทีมในช่วงนี้สมกับเป็นทีมเต็งหนึ่งที่ทุกสำนักยกให้มีโอกาสคว้าถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองในฤดูกาลนี้ได้มากที่สุดหลังพาทีมไม่แพ้ใครมา 20 เกมติดต่อกันแล้วในทุกรายการที่ลงสนาม ยิ่งไปกว่านั้น 13 เกมหลังสุดที่ทีมเรือใบลงสนามพวกเขาสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้หมดทุกเกมอีกด้วย แม้ทีมจะไม่ได้ดุดันเหมือนช่วงปีแรกๆ ที่เข้ามาคุมทัพ แต่แนวรับของทีมในเวลานี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งสุดๆ เหนือทุกทีมทั่วลีกใหญ่ของยุโรปเลยก็ว่าได้ โดยผลงานที่ทีมทำทิ้งเอาไว้ในเกมล่าสุดคือการบุกไปเชือด “เดอะ คลาเร็ตส์” เบิร์นลีย์ ได้ถึงถิ่นแบบไม่ยากเย็น 2-0 ส่งผลให้เก็บเพิ่มมาได้เป็น 47 คะแนนจากการลงสนาม 21 เกม นำเป็นจ่าฝูงเดี่ยวๆ ของลีกอยู่ในเวลานี้ ขณะที่ยังมีเกมตกค้างให้เล่นในมืออีก 1 เกมอีกด้วย ส่วนในเรื่องควมพร้อมล่าสุดของทีมยังคงขาดทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ และนาธาน อาเก้ ที่ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ รวมไปถึง เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวยิงตัวเก่งของทีมที่หายเจ็บกลับมาแล้วแต่ยังไม่ผ่านความฟิตหลังหยุดเล่นไปนาน ส่วนผู้เล่นคนอื่นที่เหลือพร้อมลงสนามช่วยทีมทำศึกครั้งนี้ทั้งหมด

วิเคราะห์ก่อนเกม จากผลงานการเจอกันของเกมคู่นี้ 6 เกมหลังสุดเป็นฝ่าย เรือใบสีฟ้า ที่ดูทำได้ดีกว่าแพ้ให้กับทัพหงส์แดงเพียงเกมเดียวเท่านั้น(ชนะ 3 เสมอ 2) แสดงให้เห็นว่า ซิตี้ ยังมีศักยภาพโดยรวมของทีมที่ดูดีกว่า ลิเวอร์พูล อยู่นิดหน่อย อย่างไรก็ตามด้วยสถาการณ์ของทีมในเวลานี้ต้องบอกว่าทีมที่เป็นต่อคงหนีไม่พ้นทีมเยือนที่ฟอร์มการเล่นกำลังร้อนแรงหาตัวจับยาก แม้จะขาด 2 ผู้เล่นตัวเก่งทั้ง เซร์คิโอ อเกวโร่ และ เควิน เดอ บรอยน์ ก็ตามทีมก็ยังไม่มีท่าทีจะยวบลงมาเลย ซึ่งทีมที่เกมรับหนาแน่นอย่าง ซิตี้ คือทีมที่ ลิเวอร์พูล ไม่ชื่นชอบอย่างแรง เมื่อแชมป์เก่าเวลานี้กำลังหัวใจห่อเหี่ยวเร่งแทบไม่ขึ้นเลย เกมรุกที่เคยดุดันและรวดเร็วในเวลานี้แทบไม่มีพิษสง ต้องหวังพึ่งเพียงความมหัศจรรย์ของ ซาลาห์ เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งด้วยรูปแบบการเล่นแบบนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะไปเจาะแนวรับดุจหินผาของผู้มาเยือนได้อย่างไร และเมื่อมองไปที่แนวรับเชื่อว่า คล็อปป์ จะยังไม่ไว้วางใจให้เด็กใหม่ต่างลีกลงสนามในเกมสำคัญแบบนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น สาวกเดอะ ค็อป ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นการจับคู่ของเซ็นเตอร์แบ็คจำเป็นอีกครั้ง ทำให้ ซิตี้ ที่แม้จะยิงประตูได้ไม่มากนักในช่วงหลัง แต่ด้วยระบบการเข้าทำที่เข้าขารู้ใจกันก็มีโอกาสเบิกสกอร์ได้ไม่ยาก เกมนี้รูปเกมอาจจะออกไปทางอึดอัดเนื่องจากทั้งสองทีมจะเล่นกันค่อนข้างรัดกุมเน้นผล เนื่องจากผลเสมอก็ไม่ได้เสียหายสำหรับทั้งคู่ แต่ด้วยความอันร้อนแรงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานี้มีโอกาสสูงมากที่จะได้เห็น ลิเวอร์พูล แพ้คาบ้านเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK) – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ฟาบินโญ่จอร์แดน เฮนเดอร์สันแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ติอาโก้จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุมเจมส์ มิลเนอร์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ซาดิโอ มาเน่

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์สัน (GK) – ชูเอา คันเซโล่จอห์น สโตนส์รูเบน ดิอาสอายเมริค ลาปอร์กต์ – โรดรี้อิลคาย กุนโดกัน  ริยาด มาห์เรซแบร์นาโด้ ซิลวาราฮีม สเตอร์ลิ่ง – กาเบรียล เฆซุส

ผลสกอร์ที่คาด : ลิเวอร์พูล 0 – 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้

Scroll to Top