บทวิเคราะห์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายคู่บิ๊กแมตช์ประจำรอบนี้ เป็นการโคจรมาเจอกันระหว่าง “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยทั้งสองทีมจะลงวัดฝีเท้ากันในช่วงเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม หรือเข้าสู่ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม เวลา 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ สนาม คิง พาวเวอร์ส สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
เจ้าถิ่น “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ เหลือเพียงรายการเดียวให้ลุ้นประสบความสำเร็จรายการนี้รายการเดียวแล้วสำหรับลูกทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ฟอร์มโดยรวมค่อนข้างมีมาตรฐานคงเส้นคงวา ยามเจอกับทีมที่พวกเขาเหนือชั้นกว่ามักจะเก็บชัยได้ไม่ยาก แต่พอต้องดวลกับทีมระดับหัวตารางด้วยกันแล้วมักไม่ค่อยทำได้ตามเป้าเท่าไหร่ จุดเด่นของทีมนั้นเป็นเกมบุกที่จัดจ้านเร้าใจ อย่างไรก็ตามเกมรับยังเป็นจุดบอดเพราะไม่มีผู้นำที่สั่งการได้อย่างมั่นคงในแผงหลัง ผลงานในทัวร์นาเมนต์นี้รอบที่ผ่านมานั้นเปิดบ้านเอาชนะ “เจ้านกนางนวล” ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน แบบหืดจับ 1-0 ด้านการลงสนามนัดล่าสุดเป็นโปรแกรมบอลลีกที่เปิดรังเก็บชัยเหนือ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แบบเละเทะ 5-0 สำหรับความพร้อมของทีมในเกมนี้จะขาด เวส มอร์แกน, เจมส์ จัสติน และ เดนนิส ปราเอ้ต์ ที่เข้าโรงหมออยู่เพียงแค่สามราย นอกเหนือจากรายชื่อข้างต้นพร้อมลงล่าชัยในรังแบบต่อเนื่องได้ทั้งหมด โดยสตาร์ที่น่าจับตามองที่สุดนาทีนี้หนีไม่พ้น เคเลซี่ อิเฮียนาโช่ ดาวยิงฟอร์มร้อนที่เพิ่งระเบิดแฮตทริกมาสดๆ ร้อนๆ ในเกมที่ผ่านมา
ฝั่งทีมเยือน “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งจะดีใจจนเนื้อเต้นหลังบุกไปเก็บชัยในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เหนือทาง “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน แบบเหนือความคาดหมาย 1-0 นาทีนี้ต้องพูดตามตรงว่าเกมรับนั้นเป็นตัวแบกทีมให้เก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้บ่อยครั้ง แต่แนวรุกนั้นออกลูกฝืดแบบสุดๆ เหมือนถูกคู่แข่งจับทางได้ว่าถ้าปิดตาย บรูโน่ แฟร์นานเดส เพลย์เมคเกอร์ตัวกลั่นได้อยู่หมัด ก็ไม่ต่างจากการปิดตายเกมรุดของพวกเขาได้หมดทุกมิติ ส่วนผลงานในรายการนี้รอบที่ผ่านมานั้นเปิดบ้านบดเอาชนะ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แบบลุ้นเหนื่อยสุดๆ 1-0 ด้วยการได้ประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้จะอดใช้งาน ฟิล โจนส์, ฆวน มาต้า และ เอดินสัน คาวานี่ ที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่สามราย ที่เหลือคนอื่นๆ ฟิตสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์พร้อมบุกลุ้นเก็บชัยได้ทั้งหมด แน่นอนว่าสตาร์ที่เป็นตัวโจ๊กเกอร์ในนัดนี้ขอเล็งไปที่ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์เชิงสูงที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา แล้วเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ทีมผ่านเข้ารอบในถ้วยยุโรปมาหมาดๆ ในช่วงกลางสัปดาห์
วิเคราะห์ก่อนเกม สถิติที่น่าสนใจในการดวลกันของสองทีมนี้นั้นไม่น่าเชื่อว่า ร็อดเจอร์ส ไม่เคยนำทัพ สุนัขจิ้งจอก เอาชนะ ปีศาจแดง ของ “เฮียยิ้ม” โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้เลยแม้แต่นัดเดียว ซึ่งดีที่สุดเป็นการเสมอเท่านั้นที่เหลือแพ้รวด เหมือนว่าเป็นบอลที่แพ้ทางกันด้านแท็คติกแบบปฏิเสธได้ยาก เจ้าบ้านที่ได้เล่นในรังของตัวเองในนัดนี้ได้เปรียบในเรื่องของความฟิตที่ได้พักมาเต็มที่แถมยังไม่มีโปรแกรมบอลยุโรปมากวนใจในช่วงกลางสัปดาห์ แต่พวกเขาคงไม่ผลีผลามบุกใส่แบบบ้าเลือดเหมือนยามที่เจอกับทีมที่อ่อนเชิงหว่าแน่ๆ เพราะได้บทเรียนมาหลายต่อหลายนัดว่าทางแมนยูนั้นเตรียมตั้งค่ายกลรอเล่นงานพวกเขาจากไม้ตาย “เคาน์เตอร์ แอทแทค” อยู่แล้ว เป็นไปได้ที่ขุนพลจิ้งจอกสยามคงจะเล่นครองเกมไปเรื่อยๆ เน้นชิงพื้นที่แดนกลางแล้วรองจังหวะสบช่องในการจบสกอร์แบบเน้นๆ ส่วนทางผู้มาเยือนแน่นอนว่ารู้ตัวดีว่าความฟิตเป็นรองคงหนีไม่พ้นมาตั้งรับแล้วรอเล่นจังหวะสวนกลับเร็ว โดยอาศัยความจัดจ้านของปีกทั้งสองฝั่งเล่นงานแนวรับเจ้าบ้าน เมื่อเทียบองค์ประกอบโดยรวมแล้วเชื่อว่ารูปเกมนัดนี้จะออกมากั๊กๆ ไม่มีใครกล้าเปิดหน้าแลกแบบเต็มตัว เนื่องจากเป็นบอลถ้วยที่ตัดสินกันแบบนัดเดียวจบ ท้ายที่สุดแล้วคงจะมีการออกหมัดแย๊บกันเบาๆ พอเป็นพิธีแล้วลงเอยด้วยผลเสมอกันไปแบบมีสกอร์ค่อยหาผู้ชนะกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที หรือไม่แน่อาจยืดไปถึงการดวลจุดโทษก็เป็นได้
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลสเตอร์ ซิตี้ (3-4-1-2) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (GK) – เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, จอนนี่ อีแวนส์, คักลาร์ โซยุนคู – ริคาร์โด้ เปเรยร่า, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ยูริ ตีเลอม็องส์, ทิโมธี กาสตานเญ่ – เจมส์ แมดดิสัน – เคเลซี่ อิเฮียนาโช่, เจมี่ วาร์ดี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน (GK) – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดลอฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์ – สกอตต์ แมคโทมิเนย์, เฟร็ด – มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นานเดส, ปอล ป็อกบา – เมสัน กรีนวู้ด
ผลสกอรืที่คาด : เลสเตอร์ ซิตี้ 1 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด