บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/21 เกมการแข่งขันสัปดาห์ที่ 30 โปรแกรมดึกสุดของสันเสร์ เป็นการโคจรมาเจอกันของสองทีมดังระหว่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ทีมอันดับที่ 9 ของตาราง เปิดรังเหย้ารับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมอันดับที่ 7 ของตาราง โดยทั้งสองทีมจะลงสนามวัดพลังฝีเท้ากันในช่วงดึกคืนวันเสาร์ที่ 3 เมษายน เวลา 02.00 น. หรือเจ้าสู่ช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน ตามเวลาประเทศไทน ณ สังเวียน เอมิเรตส์ สเตเดียม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

เริ่มที่ฝั่งเจ้าบ้าน “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล คุมทัพโดยกุนซือไฟแรง มิเกล อาร์เตต้า ปีนี้พยายามสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมยังหาความสม่ำเสมอไม่เจอ ต้องมาวนเวียนอยู่ที่โซนกลางตารางของลีกนานแล้ว ณ เวลานี้ยึดอยู่ที่ 9 ของลีก โดยผลงานช่วงหลังก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ เช่นเดิม หากนับสถิติ 6 เกมหลังทุกรายการที่ลงสนามมีเก็บผลชนะได้ 3 เกม เสมอ 2 เกมและแพ้ 1 เกม ยังดีที่ในรายการยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เอาตัวรอดทะลุผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างหวุดหวิด ไปเจอกับ สลาเวีย ปราก ด้านฟอร์มการเล่นเกมล่าสุดในลีกลงทำศึกลอนดอนดาร์บี้กับทีมเพื่อนร่วมเมืองฟอร์มแรง “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เกือบเอาตัวไม่รอดบุกไปโดนยิงนำก่อน 3-0 แต่ยังดีที่ยังรัวยิงคืนกลับมาได้ทั้งหมดทำให้เสมอกับไปแบบสุดมัน 3-3 ถือว่าเกมรุกยิงประตูกันได้เยอะขึ้น แต่แนวรับกำลังมีปัญหาหนักช่วงหลังไม่รู้จักกับคำว่าคลีนชีทเลย ส่วนในเรื่องสภาพความพร้อมล่าสุดของผู้เล่นที่เป็นแข้งตัวหลักส่วนใหญ่เพิ่งกลับมาจากช่วยชาติกันนั้น มีเพียงแค่ดาวรุ่งตัวความหวังของทีมอย่าง บูกาโย่ ซาก้า เท่านั้นที่บาดเจ็บอยู่ แต่ก็ยังมีลุ้นที่จะคืนสนามได้เช่นกันเนื่องจากมีรายงานว่าอาการดีวันดีคืนใกล้หายกลับมาลงสนามได้เต็มที ส่วนแข้งตัวหลักที่เหลือยังคงอยู่กันอย่างพร้อมหน้า

ทางทีมเยือน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อย่างที่ทราบกันดีว่าแชมป์เก่าทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้อย่างน่าผิดหวังเป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุผลก็ชัดเจนว่าโดนปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บคอยเล่นงานนักเตะตัวเก่งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงที่ต้องขาดแนวรับหมดแผงลูกทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงขนาดไม่ชนะใครในถิ่น แอนฟิลด์ อันเลื่องชื่อ 8 เกมติดต่อกันเลยทีเดียว ทำให้เวลานี้ หงส์แดง มีอยู่เพียง 46 คะแนน หล่นลงมารั้งอยู่ที่ 7 ของตารางคะแนน ตามตำแหน่งท็อปโฟร์อยู่ 5 คะแนน ด้านฟอร์มการเล่นในช่วงหลังเริ่มนิ่งขึ้นมีเก็บชัยได้ 3 เกม และแพ้ 2 เกม ล่าสุดเพิ่งจะบุกไปเฉือนชนะ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ได้แบบหวุดหวิด 1-0 ส่วนผลงานในยุโรปแตกต่างจากในประเทศมากยังคงบินสูงทะลุผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ โดยจะไปเจอกับคู่แค้นเก่าอย่าง เรอัล มาดริด ไปดูที่สภาพความพร้อมล่าสุดของผู้เล่นในทีมกันบ้าง มีข่าวดีคือบรรดาแข้งที่ออกไปรับใช้ชาติไม่มีใครบาดเจ็บกลับมา ทำให้ตัวผู้เล่นที่ลงสนามช่วยทีมไม่ได้ยังเป็นแข้งหน้าเดิมๆที่บาดเจ็บอยู่ก่อนหน้านี้แล้วอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ, โจเอล มาติป และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เท่านั้น

วิเคราะห์ก่อนเกม เริ่มดูที่สถิติการพบเจอกัน 5 เกมหลังสุดของคู่ เป็นฝ่ายเจ้าบ้านที่มีผลการแข่งขันที่ดูดีกว่าเล็กน้อย ชนะได้ 2 เกม เสมอ 2 เกม และแพ้อีก 1 เกม โดยรวมยังถือว่าสูสีห่างกันไม่มาก มาดูที่ฟอร์มปัจจุบันทั้งสองฝ่ายก็ยังคงไว้ใจกันไม่ค่อยได้ โดยทางไอ้ปืนใหญ่เริ่มมีพัฒนาการเกมรุกที่ดีขึ้น 6 เกมหลังกดไป 12 ตุง แต่ยังต้องไปหวังเพิ่งการทำเกมของ มาร์ติน โอเดการ์ด มากไปซักหน่อย หากมิดฟิลด์เชิงสูงโชว์ฟอร์มไม่ออกความอันตรายก็น้อยลงไปไม่น้อย ด้านเกมรับเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมากผู้เล่นในแดนหลังไม่มีความนิ่งเอาเสียเลย มักจะเสียประตูแบบงงๆ จากความผิดพลาดส่วนตัวของนักเตะเองอยู่บ่อยครั้ง ทั้งๆ ที่ช่วงแรกของยุค อาร์เตต้า การเล่นเกมรับรัดกุมเคยทำได้ดีมาตลอด ส่วนทางทีมเยือนหลังจากกุนซือชาวเยอรมันเลิกดื้อหันมาใช้กองหลังอาชีพ แล้วดัน ฟาบินโญ่ กลับไปสู่ตำแหน่งกลางรับที่ถนัด เกมรับก็กลับมาหนาแน่นขึ้นอีกครั้ง โดยตลอด 2 เกมหลังที่ทำแบบนี้สามารถเก็บคลีนชีทไปทั้งหมด แต่กลับเป็นเกมรุกที่มาประสบปัญหากระสุนด้านยิงไม่ค่อยออก ความเฉียบคมขาดหายไปหมด ช่วงหลังได้เจ้า ดิโอโก้ โชต้า ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บมาคอยแบกทีมแทน ต้องรอดูว่าหลังจากได้พักเบรคจากโปรแกรมทีมชาติความสดชื่นจะกลับมาสู่แดนหน้าของพวกเขาได้อีกครั้งหรือไม่ ด้านทรงเกมเชื่อว่าทั้งสองทีมไม่ได้ห่างชั้นกันมากยังมีจุดอ่อนให้เห็นกันทั้งคู่ ทำให้รูปเกมมีโอกาสสูงที่จะมาผลัดกันรุกรับอย่างสูสี หากฝ่ายไหนยิงประตูออกนำได้ก่อนก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นฝ่ายกรำชัยไปได้ แต่ช่วงหลังทั้งสองทีมก็เริ่มดึงความมั่นใจกันกลับมาได้ทำให้ดูแพ้ยากขึ้นมา ดังนั้นการจับมือแบ่งคะแนนกันไปน่าจะเป็นหนทางที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : แบรนด์ เลโน่ (GK) – คัลลั่ม แชมเบอร์ส, ดาวิด ลุยซ์, กาเบรียล, คีแรน เทียร์นี่ย์ – โธมัส ปาร์เตย์, กรานิต ชาก้า – ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, มาร์ติน โอเดการ์ด, บูกาโย่ ซาก้า – อเล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK) – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โอซาน คาบัค, แนท ฟิลลิปส์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ติอาโก้, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, ดิโอโก้ โชต้า

ผลสกอร์ที่คาด : อาร์เซน่อล 2 – 2 ลิเวอร์พูล