บทวิเคราะห์ฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ลีก บิ๊กแมตช์นัดชิงแชมป์ลีกเอ กลุ่มที่ 4 เป็นการปะทะกันของ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน ทีมรองจ่าฝูง เปิดรังเหย้าต้อนรับการมาเยือนของ “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมัน ทีมจ่าฝูงของตารางคะแนน ณ ปัจจุบัน โดยทั้งสองทีมจะลงสนามฟาดแข้งกันในช่วงดึกของคืนวันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน เวลา 02.45 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้าของวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม เอสตาดิโอ ลา การ์ตูฆ่า เด เซบีย่า เมืองเซบีย่า ประเทศสเปน
“หากสนใจบทวิเคราะห์คู่อื่นเพิ่มเติม ทุกท่านสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ 168kick.com”
เจ้าถิ่น “กระทิงดุ” สเปน ที่มีกุนซือมากฝีมืออย่าง หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นผู้นำทัพอยู่ในปัจจุบัน กำลังอยู่ในช่วงยุคเปลี่ยนถ่ายขุมกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ภาพรวมเลยเล่นได้ไม่ค่อยคงเส้นคงวามากนัก เก็บไปแล้ว 8 แต้ม จากการชนะ 2 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 1 นัด ด้านการลงสนามนัดล่าสุดในทัวนาเมนต์นี้บุกเสมอ “แดนนาฬิกา” ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ แบบน่าเสียดาย 1-1 ทำให้หล่นมาอยู่อันดับสองของตาราง โอกาสสุดท้ายคือการคว้าชัยเกมนี้เท่านั้น เพื่อแซงเข้าวินรอบต่อไป ขุนพลที่เรียกมาติดทีมชุดนี้กว่าครึ่งค้าแข้งอยู่กับทีมชั้นนำในบ้านเกิด ผสมผสานกับตัวที่ออกไปเล่นในลีกท็อปๆ ในยุโรป สำหรับสตาร์ที่น่าจับตามองในทีมชุดนี้ต้องยกให้ เซร์คิโอ รามอส เซ็นเตอร์แบ็คกัปตันทีมจอมถล่มประตู แต่ดันพลาดสองจุดโทษในนัดล่าสุดแบบน่าเขกกะโหลก
ทีมเยือน “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน ลูกทีมของ โยอาคิม เลิฟ แม้ว่าจะยังไม่แพ้ใครเลยขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม แต่ฟอร์มก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างมากนัก ปัจจุบันมีทั้งหมด 9 คะแนน จากการชนะ 2 นัด และเสมอ 3 นัด มีแต้มนำหน้ารองจ่าฝูงเพียงแต้มเดียว ยังต้องการอีกอย่างน้อยหนึ่งแต้มเพื่อการันตีเข้ารอบต่อไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้านการลงเล่นนัดล่าสุดในทัวนาเมนต์นี้เปิดบ้านถล่ม ทีมชาติยูเครน แบบชิวๆ 3-1 ผู้เล่นที่เรียกมาสู้ศึกชุดนี้ล้วนแต่เป็นพ่อค้าแข้งที่สังกัดทีมระดับท็อปในยุโรปแทบทั้งสิ้น โดยดาวเด่นที่เป็นตัวแบกทีมในชั่วโมงนี้หนีไม่พ้น ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าความเร็วสูงจาก เชลซี ที่เหมายิงคนเดียวสองประตูในเกมที่ผ่านมา
วิเคราะห์ก่อนเกม สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม ปรากฏว่าเป็นเจ้าบ้าน สเปน ที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยด้วยผลงานชนะ 2 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 1 นัด นับว่าเป็นบอลที่คู่คี่สูสีกันสุดๆ แนวทางการทำทีมลักษณะคล้ายคลึงกัน มีการวางระบบการเล่นตั้งแต่สมัยนักเตะยังอยู่ในชุดเยาวชน กระทิงดุ นั้นเป็นบอลเน้นเกมรุกครองบอลบุกใส่คู่ต่อสู้แบบขึงตั้งแต่ครึ่งสนาม แต่ศักยภาพช่วงนี้ลดทอนลงไปเพราะตัวหลักบางรายเข้าสู่วัยโรยรา แล้วตัวที่ก้าวขึ้นมาฝีเท้ายังห่างชั้นจากช่วงยุคทอง ส่วนทางผู้มาเยือน เยอรมัน เป็นบอลระบบมีระเบียบวินัย เน้นทำตามคำสั่งจากโค้ชแบบเคร่งครัด ผู้เล่นในแนวรุกแต่ละคนพร้อมทะลวงคู่แข่งด้วยความเร็วสูง บวกกับความสามารถเฉพาะตัว แต่ข้อเสียก็คือเกมรับที่หลังจากเปลี่ยนผู้เล่นยกเซ็ทจากชุดที่ตกรอบแบบฟุตบอลโลก ความเหนียวแน่นหายไปโดยสิ้นเชิง ระยะหลังเสียประตูแทบจะทุกนัด แม้ว่าดูจากชื่อทีมแล้วแฟนบอลอาจคาดหวังเกมที่เปิดแลกกันแบบสนุกเร้าใจ อย่างไรก็ตามคาดไว้ว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากนักเตะที่เป็นแข้งซูเปอร์สตาร์แต่ละคนคงจะเล่นแบบถนอมตัวเพราะต้องการไปลุ้นความสำเร็จในบอลลีกต่อไป รูปเกมน่าจะออกมาแบบแบ่งรับแบ่งสู้ตัวตัดสินเกมคงเป็นจังหวะฉวยโอกาส ยิ่งรูปเกมบังคับให้เจ้าถิ่นต้องบุกใส่คงเข้าทางพอดี เนื่องด้วย อินทรีเหล็ก นั้นกองหลังยังมีรูรั่วในเรื่องการประสานงานในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ท้ายที่สุดแล้วยังมั่นใจว่าเกมบดขยี้แบบทุกทิศทุกทางของเจ้าบ้านน่าจะช่วยเฉือนชัยไปได้แบบเฉียดฉิว พลิกแซงชนะเข้ารอบต่อไปแบบหืดจับ
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ทีมชาติสเปน (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา (GK) – เซอร์จี้ โรแบร์โต้, เซร์คิโอ รามอส, เปา ตอร์เรส, เซร์คิโอ เรกีลอน – มิเคล เมริโน่, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ – อดาม่า ตราโอเร่, ฟาเบียน รุยซ์, มิเกล โอยาร์ซาบัล – ดานี่ โอลโม่
ทีมชาติเยอรมัน (4-3-3) : มานูเอล นอยเออร์ (GK) – มัตธิอัส กินเทอร์, นิคลาส ซูเล่อ, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, ฟิลิปป์ มักซ์ – เลออน โกเร็ตซ์ก้า, โรบิน คอช, อิลคาย กุนโดกัน – เลรอย ซาเน่, ติโม แวร์เนอร์, เซิร์จ นาบรี้
ผลสกอร์ที่คาด : ทีมชาติสเปน 2 – 1 ทีมชาติเยอรมัน