ต่อเนื่องกันจากบทความที่แล้ว ที่ทางทีมงาน 168Kick ได้นำเสนอเกี่ยวกับรายชื่อของ นักเตะทีมชาติอังกฤษ ที่จัดอยู่ในประเภท วัน แคป วันเดอร์ ที่ติดทีมชาติเพียงแค่นัดเดียว ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัยเรื่องการแข่งขันเพื่อโควต้าที่มีจำกัด ต่อให้ยังทำผลงานในระดับสโมสรได้ดีก็ตาม
ไล่เรียงตามตำแหน่งกันแล้ว คลิปนี้ต้องเป็นคิวของผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังกันบ้าง ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า ทีมระดับ สิงโตคำราม ตัวเลือกแรกๆ ย่อมาจากสโมสรยักษ์ใหญ่ ที่ทุ่มซื้อตัวหรือปั้นเยาวชนที่เป็นตัวท็อปขึ้นมา เป็นตัวจริงของทีมแบบขาประจำ จนกลายเป็นแคนดิเดตตัวเลือกในการติดทีมชาติ หรือบางรายอาจติดโผมาตั้งแต่ชุดเยาวชน จนได้รับโอกาสในการลงเล่นชุดใหญ่
แต่แน่นอนว่าช่วงเวลาที่โปรแกรมลงเล่นของสโมสรนั้นถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมทำให้เกิดปัญหานักเตะบาดเจ็บ จนต้องถอนตัวในเกมทีมชาติ ซึ่งก็มีทั้งประเภทที่เจ็บจริง กับ เจ็บแบบการเมือง เหมือนเดิม แต่สุดท้ายสิทธิ์ในการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับตัวนักเตะเองอยู่ดี ว่าต้องการลงสนามหรือไม่? มาดูกันไปพร้อมๆ กันเลยว่าในบทความนี้ จะมีรายนามกองหลังคนใด ที่ก้าวไปเล่นในเวทีระดับชาติได้เพียงแค่นัดเดียวกันบ้าง
เริ่มต้นกันที่รายแรก เป็นกองหลังสาระพัดประโยชน์ ลูกหม้อเด็กปั้นจาสโมสร ลิเวอร์พูล เล่นได้ทั้งตำแหน่งแบ็คขวาและเซนเตอร์แบ็ค ปัจจุบันย้ายมาค้าแข้งกับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งเคยถูกเรียกไปติดธงเพียงแค่เกมเดียว ในนัดกระชับมิตรที่บุกไปเยือน นอร์เวย์ ก่อนทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2012 จะเริ่มขึ้น ที่สนาม อุลเลวาลล์ สเตเดี้ยม เมืองออสโล แล้วเกมนั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของ พลพรรคสิงโตคำรามเหนือเจ้าถิ่นในรอบ 32 ปี ด้วยสกอร์ 1-0 แบบหืดจับ
โดยทาง เคลลี่ ได้ลงไปสัมผัสเกมในช่วงท้ายแทนที่ของ ฟิล โจนส์ ในนาทีที่ 88 ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจ หรือ รอย ฮ็อดจ์สัน เคนเห็นฟอร์มตอนอยู่ หงส์แดง ที่เขาคุมทีมอยู่พักหนึ่งเลยเรียกมาติดทีม อย่างไรก็ตาม เคลลี่ ก็ไม่ทำให้เกิดความผิดพลาดในช่วงท้าย แต่ก็ไม่เคยได้หวนกลับไปติดธงอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
มาต่อกันที่รายที่สอง เป็นกองหลังในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค ที่ตอนติดทีมชาตินั้นกำลังโชว์ฟอร์มได้เข้าตากับสโมสร สวอนซี ซิตี้ หลังต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปล่อยให้ไปเล่นแบบชั่วคราวด้วยสัญญายืมตัว นั่นก็คือ สตีเว่น คอลเกอร์ แนวรับที่มีความแข็งแกร่งเป็นจุดเด่น ที่จุดบอดที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องของความเร็ว ที่แทบจะช้าเป็นเต่าคลาน
โดยผู้เล่นในระดับล่างๆ ที่มีชื่อติดทีมชาติในช่วงนั้น มาจากการเลือกของ ฮ็อดจ์สัน อีกเช่นเคย ได้ลงประเดิมสนามในเกมอุ่นเครื่องกับ สวีเดน ที่บุกไปเยือนสนาม เฟรนด์ อารีน่า ด้วยการลงเล่นเป็นปราการหลังตัวกลางตัวจริง คู่กับ แกรี่ เคฮิลล์ ก่อนถูกปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 74 แม้แมตช์นั้น อังกฤษ จะพ่ายไปด้วยสกอร์ 2-4 แต่ผลงานส่วนตัวของ คอลเกอร์ นั้นถือว่าใช้ได้ เพราะมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดในเกมดังกล่าว
ถัดมาในรายที่สาม เป็นผู้เล่นในกลุ่มที่ดูแล้วไม่น่ามีชื่อติดธงเช่นกัน แต่ในยุคการคุมทีมของ ปู่รอย โอกาสนั้นเปิดกว้างเสมอ เหมือนเช่นในรายของ คาร์ล เจนกินสัน แบ็คขวาที่แจ้งเกิดกับ อาร์เซน่อล เหมือนดั่งพลุที่ส่องประกายเพียงแค่แวบเดียว หลังจากนั้นก็ถูกลืมเลือนไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุผลเรื่องของฝีเท้าที่ดูไม่ถึงระดับ และ สภาพร่างกายที่เจ็บออดๆ แอดๆ บ่อยครั้ง
โดยเกมที่เขาได้ลงประเดิมสนาม เป็นเกมเดียวกับ คอลเกอร์ ที่บุกพ่าย สวีเดน 2-4 ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 74 แทนที่ของ เกล็น จอห์นสัน แล้วก็ไม่มีโมเมนต์ใดๆ ให้เป็นที่น่าจดจำแม้แต่นิดเดียว ในปัจจุบันบัน เจนกินสัน ย้ายไปเล่นให้กับ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ แบบถาวรเรียบร้อยแล้ว
ต่อกันที่รายที่ 4 เป็นหนึ่งในกองหลังพันธุ์ดุอย่าง ไรอัน ชอว์ครอสส์ ที่เป็นอดีตลูกหม้อของอะคาเดมี่สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ไม่สามารถก้าวขึ้นชุดใหญ่ได้ แล้วพอถูกทาง สโต๊ค ซิตี้ คว้าตัวไปร่วมทีม ก็ระเบิดฟอร์มกลายเป็นตัวหลักในแผงหลัง เล่นได้อย่างโดดเด่น มีความเป็นผู้นำ ซึ่งจุดขายของเขาเป็นการเข้าปะทะที่หนักหน่วง ไม่มีปรานี ไม่มียั้ง เล่นงานคู่แข่งลงเปลหามมาแล้วหลายต่อหลายราย
โดยเป็นผู้เล่นอีกหนึ่งรายที่ทาง ฮ็อดจ์สัน เรียกมาติดทีมชาติในเกมที่พ่ายให้กับ สวีเดน 2-4 ในปี 2012 แล้วได้ลงมาสัมผัสเกมในนาทีที่ 74 แทนที่ของ สตีเว่น คอลเกอร์ แล้วการลงเอยก็ไม่ต่างจากรายที่ผ่านมา ไม่มีโมเมนต์ใดๆ ที่ทำให้น่าจดจำ ถูกแฟนบอลลืมเลือนไปตามกาลเวลา โดยตอนนี้ ชอว์ครอสส์ ในวัย 34 ปี ยังคงเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ในแดนลุงแซม กับสโมสร อินเตอร์ ไมอามี่
ปิดท้ายกันที่กองหลังรายสุดท้าย ที่มีชื่อติดโผเข้ามาในสกู๊ปนี้ เป็นตัวหลักในแนวรับของ ไบรท์ตัน ของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ในช่วงหลายปีหลังที่ผ่านมา นั่นก็คือ ลูอิส ดังค์ เซนเตอร์แบ็คตัวแกร่ง วัย 30 ปี ซึ่งยังคงเป็นนักเตะในสายตาของ แกเร็ธ เซาท์เกต ที่มอบโอกาสให้เขารับใช้ชาติในเกมกระชับมิตร เดือนพฤศจิกายนปี 2018
โดยเป็นเกมอำลา เวย์น รูนี่ย์ ในสนาม เวมบลีย์ ที่เจอกับ สหรัฐอเมริกา แล้วเจ้าบ้านถล่มเอาชนะไปขาดลอย 3-0 ปิดฉากอย่างสวยงาม ฟอร์มของ ดังค์ ในเกมนัดดังกล่าวนับว่าเข้าตาดีทีเดียว ได้ยืนเป็นตัวจริงแล้วอยู่จนจบเกม ไม่ถูกเปลี่ยนออก แถมเก็บคลีนชีทได้อีกต่างหาก ไม่แน่ว่าในอนาคต หากเขายังรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ อาจเก็บหมวกทีมชาติได้เพิ่มเติม เพียงแค่ต้องรอโอกาสนั้นมาถึงอย่างอดทนเท่านั้น