Home บทความฟุตบอล 10 พ่อค้าแข้งที่ทำประตูได้มากที่สุด ในช่วงอายุก่อน 21 ปี ตอนแรก

10 พ่อค้าแข้งที่ทำประตูได้มากที่สุด ในช่วงอายุก่อน 21 ปี ตอนแรก

0
10 พ่อค้าแข้งที่ทำประตูได้มากที่สุด ในช่วงอายุก่อน 21 ปี ตอนแรก

ทุกวันนี้พัฒนาการของวงการฟุตบอล ไปไกลเกินกว่าที่แฟนบอลคาดคิดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ วิทยาศาสตร์การกีฬา หรือแม้แต่การสรรหาดาวเตะฝีเท้าดีอายุยังน้อย ที่ใช้เวลาเพียงไม่นานในการปลุกปั้นจากอะคาเดมี่ชั้นดี พวกเขาก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จัก ได้ลงสนามบนเวทีใหญ่ๆ ทั้งในสโมสรและทีมชาติ ได้ในระยะเวลาแค่ชั่วอึดใจอันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีและความก้าวหน้าด้านต่างๆ ที่สร้างตัวช่วยเสริมสร้างโอกาสให้เขาวิวัฒน์ฝีเท้าได้เร็วกว่ายุคก่อน

เหล่าดาวรุ่งมากมายทั่วโลกต่างจ่อคิวรอแจ้งเกิดกันเต็มไปหมด รอเพียงแค่โอกาสและระยะเวลาที่เหมาะสม ที่จะได้แสดงศักยภาพออกมาเท่านั้น โดยช่วงวัยที่สำคัญนั้นนับตั้งแต่ได้รับการดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่แบบตัวตัว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในช่วงอายุ 17-21 ปี ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้จัดการทีม ในการจัดสรรทรัพยากรภายในทีม ให้มีความเหมาะสมมากที่สุด นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สื่อต่างๆ สามารถเรียกนักเตะกลุ่มนี้ว่าเป็นดาวรุ่งได้อย่างเต็มปาก เพราะช่วงวัยนี้ยังสามารถลงสนามในรายการที่เป็นเวทีของเยาวชนได้แบบที่อายุยังไม่เกินเกณฑ์ อันเป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ก้าวไปไกลได้มากแค่ไหนหลังจากนี้

วันนี้เว็บไซต์ 168Kick พร้อมนำเสนอชุดข้อมูลที่สำคัญของเหล่านักเตะในตำแหน่งศูนย์หน้า ที่มีหน้าที่ล่าตาข่ายให้กับต้นสังกัดว่า 10 ผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุด ในช่วงอายุที่นับถึงแค่ 21 ปีจะมีใครกันบ้างตามลำดับ? แล้วพวกเขาแต่ละคนถล่มประตูไปได้มากแค่ไหน? จากจำนวนการเล่นกี่เกม? โดยรายชื่อที่คัดมาแต่ละคนการันตีได้เลยว่าล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ที่แฟนบอลต่างคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีทั้งสิ้น…สำหรับตอนเปิดหัว 5 รายแรก จะมีใครกันบ้าง? เชิญติดตามกันได้เลย

เริ่มต้นกันที่อันดับที่ 10 ที่อาจเซอร์ไพรส์แฟนๆ สักเล็กน้อย เพราะเจ้าของตำแหน่งนั้นคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงสูงสุดทีมชาติโปรตุเกส ที่เป็นผู้ครองสถิติยิงประตูบนเวทีทีมชาติมากที่สุดตลอดกาลอยู่ในขณะนี้ รวมไปถึงการเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูให้กับสโมสร เรอัล มาดริด ได้มากที่สุดตลอดกาล โดยช่วงเวลาที่เขาอายุยังไม่เกิน 21 ปี ซีอาร์เซเว่น กดประตูไปได้แค่ 36 ลูก จากการลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการไป 182 นัดเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขากำลังอยู่ในการพัฒการจังหวะการเล่นและตำแหน่งให้เหมาะสม จึงยังไม่ฉายแววยอดดดาวยิงออกมาเหมือนในทุกวันนี้

ต่อกันที่อันดับที่ 9 เป็นคู่แข่งตลอดกาลของอันดับก่อน ที่เป็นนักเตะที่แจ้งเกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เจ้าของรางวัล บัลลงก์ดอร์ 7 สมัย ที่หากจะกล่าวว่า ลิโอเนล เมสซี่ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่โลกลูกหนังเคยมีมา คงไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง หากมองจากผลงานของเขาที่ทำให้กับ บาร์เซโลน่า ในช่วงอายุที่ เมสซี่ ยังจัดดว่าเป็นดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปี เขาได้ลงเล่นไปมากถึง 140 นัดในเกมอย่างเป็นทางการ แล้วทำไปได้ 51 ประตู อาจจะดดูน้อยเมื่อเทียบกับผลงานหลังจากนั้น แต่ถ้าดูเหตุผลว่า เจ้าบุญทุ่ม ยุคนั้น มีศูนย์กลางของทีมแบบ โรนัลดินโญ่ ขวางหน้าอยู่ คงตอบคำถามที่แฟนบอลสงสัยได้หมดจด

ถัดมาที่อันดับที่ 8 เป็นดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ที่กลับมาเล่นได้อย่างร้อนแรงอีกครั้งในช่วงปลายของการค้าแข้ง กลายเป็นคีย์แมนที่สโมสร เรอัล มาดริด ขาดไม่ได้ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากเจ้าของฉายา เอฟ วัน อย่าง คาริม เบนเซม่า ที่โด่งดังเรื่องฝีเท้าอันเหนือชั้น ตั้งแต่สมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ โอลิมปิก ลียง แต่เมื่อต้องมาเล่นร่วมกับ โรนัลโด้ แล้วต้องรับบทบาทเป็นพระรอง มีหน้าที่เปิดทางให้กับเพื่อนได้เฉิดฉายทำให้เขาต้องตกอยู่ใต้ร่มเงาอยู่เป็นเวลานาน โดยช่วงเวลาที่เขาอายุยังไม่เกิน 21 ปี เบนเซม่า ยิงไปได้ทั้งหมด 62 ประตู จากการลงเล่นทุกรายการรวม 143 นัดเลยทีเดียว

ข้ามมาที่อันดับที่ 7 เป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นที่ทำประตูให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สูงสุดตลอดกาล ตอนแจ้งเกิดขึ้นมาใหม่ๆ กับ เอฟเวอร์ตัน ว่ากันว่าเขาคือผู้เล่นที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษ หากไม่เจออาการบาดเจ็บร้ายแรงเล่นงาน แล้วมีการใช้ชีวิตนอกสนามที่มีวินัยมากกว่านี้ เวย์น รูนี่ย์ คงจำสร้างปรากฏการณ์ที่เหนือกว่าเดิมได้มากพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งในวัยที่เขายังเป็นดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปี สื่อต่างยกย่องเขาจนเต็มพื้นที่ว่ามีศักยภาพฝีเท้าที่เกินวัย ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่ รูนี่ย์ จะทำไปได้ถึง 66 ประตู จากการลงสนามไปมากถึง 212 นัด ถ้าเห็นจากจำนวนเกมที่ลงสนามที่มากกว่าคนอื่น คงเข้าใจได้ดีว่าทำไมร่างกายของเขาถึงเสื่อมสภาพไวเหลือเกิน

ปิดท้ายกันที่อันดับที่ 6 อดีตดาวยิงระดับ บัลลงก์ดอร์ ดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่เป็นนักเตะแดนผู้ดีคนสุดท้ายที่ไปถึงระดับนั้นได้ เจ้าของฉายา เบบี้ โกล ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ซึ่งฝีเท้าของ ไมเคิ่ล โอเว่น ในสมัยที่เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่ากองหลังคนใดต้องเผชิญหน้า ย่อมต้องมีอาการหวาดหวั่นอยู่ในใจกันบ้างแน่นอน เพราะดาวยิงรายนี้นั้นมีทั้งความเร็ว และจังหวะการจบสกอร์ที่เฉียบคม เต็มไปดด้วยสัญชาติญาณของศูนย์หน้าแท้ๆ ที่ยากจะประกบให้อยู่หมัด ก่อนที่จะอายุเกิน 21 ปี โอเว่น กดประตูไปได้มากถึง 76 ลูก จากการลงเล่นไปทั้งหมด 156 นัด หากร่างกายของเขาไม่เจออาการบาดเจ็บหนักจนหมดสภาพ คงยืนระยะในการเล่นบนเวทีระดับสูงได้นานกว่าที่เป็นแน่นอน นับเป็นเรื่องทีน่าเสียดายเป็นอย่างมาก ที่เขามีจุดพีคสั้นเกินไป จนไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้