ปฏิเสธได้ยากว่าทุกวันนี้ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นลีกฟุตบอลในยุโรป ที่ได้รับความนิยมสูงเอามากๆ ทั่วโลก เนื่องมากจากมีการรวบรวมสตาร์ฝีเท้าดีเอาไว้มากมาย ไม่เพียงแต่นักเตะที่มีถิ่นฐานบ้านเกิดในแดนผู้ดี รวมไปถึงสตาร์หลากหลายสัญชาติ ที่ตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลมาสร้างชื่อเสียงจนโด่งดังอย่างต่อเนื่อง เพราะรู้ว่าลีกนี้มีแฟนบอลติดตามมากมาย อยู่ในกระแสของสื่อตลอดเวลา หากทำผลงานได้ดีก็สามารถต่อยอดสร้างรายได้เพิ่มได้นับไม่ถ้วน ทั้งการรับสปอนเซอร์สินค้าต่างๆ รวมไปถึงการเรียกค่าเหนื่อยที่สมน้ำสมเนื้อกับฟอร์มในเวลานั้น

แม้ว่าจะมีสตาร์หลากหลายเชื้อชาติที่ตัดสินใจมาเสี่ยงดวงในลีกนี้ แต่หนึ่งในชาติมหาอำนาจในวงการฟุตบอล ที่แฟนบอลพรีเมียร์จะเห็นการย้ายมาเล่นที่นี่น้อยเอามากๆ คือ ผู้เล่นสัญชาติเยอรมัน ที่สองชาตินี้ค่อนข้างเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน แต่ปัจจัยหลักๆ ก็คือลีกประจำชาติของพวกเขาอย่างศึก บุนเดสลีก้า ก็ไม่ได้มีคุณภาพด้อยไปกว่ากัน จัดเป็นลีกท็อปไฟว์ของยุโรป

ที่รวบรวมเอานักเตะฝีเท้าไม่ธรรมดาไว้มากมาย ความเข้มข้นของการแข่งกันแทบไม่ต่างกัน ติดเพียงแค่เรื่องของระยะห่างของศักยภาพระหว่างทีมหัวตารางกับทีมที่อยู่ระดับกลางตารางลงมา ที่มองชื่อชั้นผู้เล่นแกนหลักของทีมแล้วยังมีช่องว่างอยู่พอสมควร ดังนั้นแฟนบอลอาจได้เห็นผู้เล่นเมืองเบียร์บางรายที่ถึงจุดอิ่มตัวในประเทศ เคยสังกัดอยู่สโมสรที่มีโอกาสลุ้นแชมป์อยู่เป็นประจำ แล้วอาจประสบความสำเร็จในบ้านเกิดตามที่เขาต้องการ เลือกที่จะย้ายออกมาผจญภัยกับลีกใหม่ๆ ซึ่งปลายทางอย่าง ประเทศอังกฤษ ก็เป็นตัวเลือกที่ท้าทายไม่น้อย

บทความนี้เว็บไซต์ 168Kick พร้อมนำเสนอข้อมูลสถิติเกี่ยวกับนักเตะสัญชาติเยอรมัน ที่ตัดสินใจมาเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แล้วทำผลงานได้อย่างน่าจับตามอง โดยโฟกัสไปที่เรื่องของจำนวนประตูว่า มีดาวเตะคนไหนกันบ้างที่ติด 5 อันดับแรก ในการยิงประตูสูงสุด ณ ลีกที่แสนท้าทายแห่งนี้ ซึ่งไม่ได้มีการแบ่งยุคสมัยแต่นับรวมทั้งหมดตั้งแต่อดีต ยาวมาจนถึงปัจจุบัน มาลุ้นกันไปพร้อมๆ กันเลยว่า จะมีดาวเตะที่แฟนๆ คิดเอาไว้อยู่ในใจติดโผเข้ามาบ้างหรือไม่? พวกเขาเหล่านั้นทำประตูไปได้มากมายแค่ไหน? ย้ายมาสร้างชื่อเสียงกับสโมสรใด?

เริ่มต้นกันที่อันดับที่ 5 เป็นผู้เล่นแนวรุกตำแหน่งตัวริมเส้น ที่เคยย้ายมาผจญภัยเป็นระยะเวลาสั้นๆ กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ หากไม่เจออาการบาดเจ็บหนักเล่นงานจนต้องพักยาว การันตีได้เลยว่า เลรอย ซาเน่ มีสิทธิ์สูงที่จะโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกว่าที่แฟนบอลติดภาพเขาในอดีต

ซาเน่ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าจับตามองตั้งแต่เป็นดาวรุ่งกับ ชาลเก้ 04 ถูกทาง เรือใบสีฟ้า ทุ่มเงินราว 52 ล้านยูโร คว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2016 ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เขาค้าแข้งอยู่ในแดนผู้ดี ซาเน่ พังตาข่ายในศึก พรีเมียร์ลีก ไปถึง 25 ประตู แต่สุดท้ายแล้วเมื่อมีข้อเสนอจากยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่ตามเทียวไล้เทียวขื่อมาหลายปีเข้ามาแบบจริงจัง ย่อมเป็นสิ่งที่ตัวนักเตะเองปฏิเสธได้ยาก จึงย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดเมื่อปี 2020 ด้วยราคาสูงถึง 60 ล้านยูโร

ต่อกันที่อันดับที่ 3 ร่วมรายแรก เป็นผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า ที่ย้ายมาเล่นให้กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เช่นเดียวกัน แต่ต้องย้อนกลับไปในยุค 90 นั่นก็คือ อูเว รอสเลอร์ ดาวยิงเท้าคม ที่มีสไตล์การเล่นแบบดาวยิงสัญชาติเยอรมันแท้ๆ เป็นกองหน้าโบราณที่ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเป็นจุดขาย

มีจังหวะจบสกอร์ทั้งลูกโหม่งและลูกยิงในกรอบเขตโทษที่สุดแสนอันตราย เบสิคฟุตบอลแน่นปึ้กๆ โดดเด่นตั้งแต่ค้าแข้งอยู่ในบ้านเกิดจนทำให้ เรือใบสีฟ้า ตัดสินใจจ่ายเงินราว 1 ล้านยูโร คว้าตัวเขามาร่วมทีมในปี 1994 แล้วก็ทำผลงานตลอดสามซีซั่นที่อยู่กับทีมได้อย่างน่าประทับใจ นับรวมแล้ว รอสเลอร์ กดไปได้ถึง 29 ประตู แม้ว่าในช่วงท้ายในการค้าแข้งเขาจะย้ายกลับมาเล่นในแดนผู้ดีอีกครั้งกับ เซาท์แธมป์ตัน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แต่กลับไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่เคยเป็น

ถัดมาที่อันดับที่ 3 ร่วมรายที่สอง เป็นดาวเตะในตำแหน่งศูนย์หน้าเช่นกัน ช่วงที่เขาย้ายมาเล่นในอังกฤษ ถือว่าเป็นกระแสที่สื่อต่างจับตามองกันยกใหญ่ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก เจอร์เก้นน์ คลิ้นส์มัน นักเตะจอมพเนจรสัญชาติเยอรมันรายแรกๆ ที่กล้าย้ายออกมาผจญภัยนอกประเทศ โดยทาง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตัดสินใจคว้าตัวเขามาจาก โมนาโก ด้วยค่าตัวราว 2.75 ล้านยูโรในปี 1994

แล้วโชว์ฟอร์มการยิงประตูได้สมฉายา ฉลามขาว เป็นนักล่าในกรอบเขตโทษ ที่หาจังหวะจบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลในถิ่น ไวท์ ฮาร์ทเลน ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วงท้ายของอาชีพเขาก็แวะเวียนมาเล่นให้กับ ไก่เดือยทอง เป็นคำรบที่สองเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ นับรวมแล้ว คลิ้นส์มันน์ กดดประตูในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้มากถึง 29 ประตู

เข้าสู่ตำแหน่งรองท็อปกันที่อันดับที่ 2 เป็นผู้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ฝีเท้าระดับโลก เป็นหนึ่งในคีย์แมนที่พาทัพ อินทรีเหล็ก ผงาดคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ เริ่มสร้างชื่อเสียงตั้งแต่สมัยที่อยู่กับ แวร์เดอร์ เบรเมน ก่อนจะถูกทาง เรอัล มาดริด ทีมชั้นนำในสเปนคว้าตัวไปร่วมทีม แต่สุดท้ายแล้วด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทำให้ เมซุต โอซิล ตัดสินใจเชื่อคารมณ์ของ อาร์เซน เวนเกอร์ ด้วยการย้ายมาเล่นให้กับ อาร์เซน่อล ด้วยราคาราว 47 ล้านยูโร

อันเป็นดีลแรกๆ ที่นายใหญ่แดนน้ำหอม กล้าทุ่มเงินระดับนี้เพื่อเสริมทัพ หลังจากใช้งบประมาณแบบจำกัดจำเเขี่ยมาหลายฤดูกาล ฟอร์มของ โอซิล ในช่วงแรกที่ย้ายมาเล่นให้กับ ไอ้ปืนใหญ่ ถือว่าโดดเด่น เติมมิติการเล่นที่ไม่เคยเห็นให้กับทีมด้วยคลาสบอลที่เหนือชั้น แม้ว่าจะลงเอยกันไม่ค่อยสวยเพราะปัญหาความขัดแย้งด้านทัศนคติ อย่างน้อยยอดมิดฟิลด์รายนี้ ก็ผลิตสกอร์ในลีกจากการยิงเองไปได้มากถึง 33 ประตูเลยทีเดียว

มาถึงตำแหน่งแชมป์อันดับหนึ่งประจำสกู๊ปนี้ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลาง ที่นับวันฝีเท้ายิ่งพัฒนาน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ย้ายมาร่วมงานกับกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นก็คือ อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์สาระพัดประโยชน์ อดีตผู้เล่นของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่รับเงินค่าตัวในการขายดาวเตะรายนี้ไปเน้นๆ ที่ 27 ล้านยูโร ในช่วงแรกนั้น กุนโดกัน แจ้งเกิดจากตำแหน่งกองกลางที่ประจำการอยู่กลางสนามทั่วๆ ไป รับบทบาททั้งเกมรุกและเกมรับแบบสมดุลย์

แต่พอย้ายมาเล่นที่อังกฤษ แล้วเริ่มสลัดอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ที่เล่นงานเขาต่อเนื่องจนแทบไม่ได้ลงสนามไปได้บ้าง เขาเริ่มถูกปรับบทบาทไปยืนสูงขึ้น เคยถูกดันไปเล่นเป็น ฟอลส์ ไนน์ และเพลย์เมคเกอร์ในบางเกม แล้วก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เริ่มแสดงศักยภาพที่เป็นเหมือนอาวุธลับในเรื่องการจบสกอร์ออกมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นับจนถึงปัจจุบัน กุนโดกัน กดประตูในลีกให้กับ เรือใบสีฟ้า ไปแล้ว 36 ประตู ซึ่งยังเหลือเวลาอีกมากให้เขาเพิ่มจำนวนหลังจากนี้