บทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ที่ 12 ซึ่งจะเป็นศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ระหว่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดโรงละครแห่งความฝัน ต้อนรับการมาเยือนของทีมบ้านใกล้เรือเคียงอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยทั้งสองทีมจะลงดวลฝีเท้ากันในช่วงดึกของคืนวันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม เวลา 00.30 น. หรือเข้าสู่ช่วงเช้าวันใหม่ของวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
“หากสนใจบทวิเคราะห์คู่อื่นเพิ่มเติม ทุกท่านสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ 168kick.com”
เริ่มจากฝากเจ้าถิ่นกันก่อน ขุนพลทัพ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มี “เฮียยิ้ม” โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นผู้กุมหางเสือ เพิ่งจะอกหักตกรอบในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาหมาดๆ ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังบุกพ่าย “เดอะ เร้ดบูลส์” แอร์เบ ไลป์ซิก แบบหมดท่า 2-3 ถ้ามองจากสกอร์เหมือนรูปเกมจะสูสี แต่ความจริงแล้วสองลูกที่ตีตื้นมาได้นั้นค้านสายตาแฟนบอลทั่วโลกอย่างที่สุด อย่างน้อยรางวัลปลอบใจที่ได้เป็นตั๋วลุยต่อในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ที่ไม่รู้ว่าแฟนบอลของทีมควรจะดีใจหรือไม่? ด้านผลงานในบอลลีกแดนผู้ดีปีนี้ก็ไม่โสภาเอาเสียเลย เพิ่งจะเร่งฟอร์มในช่วงหลังจนขึ้นมาอยู่กลางตารางได้เมื่อไม่กี่นัดหลังมานี้เอง เรียกได้ว่าสถานการณ์เก้าอี้ของเทรนเนอร์คนปัจจุบันกำลังสั่นคลอนแบบสุดๆ หากพ่ายซ้ำในเกมนี้รับรองว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้แบบไม่ต้องมีปาปริก้า สภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ต้องลุ้นเช็คความฟิตของสองกองหน้าตัวเป้าอย่างขวัญใจคนใหม่ “เอล มาทาดอร์” เอดินสัน คาวานี่ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เล็กน้อย แต่คาดว่าน่าจะเร่งฟิตทันกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนี้ได้อย่างน้อย ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือไม่มีปัญหาพร้อมเป็นตัวเลือกในการลงเล่นเกมนัดชี้ชะตากุนซือได้ทั้งหมด แน่นอนว่าความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาในการแบกทีมชั่วโมงนี้หนีไม่พ้น บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่กำลังมองถึงการเรียนอบรมโค้ชเผื่อจะช่วยอะไรทีมได้มากกว่านี้ นอกจากงานประจำที่เป็นการรับจ็อบยิงจุดโทษปลอบใจ
ต่อกันที่ฝั่งเพื่อนบ้านน่ารำคาญ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหล่ายอดแข้งพันล้านของกุนซือสมองเพชร เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผ่านเข้าไปเล่นศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่นัดก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังคงไว้ลายทิ้งทวนเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเปิดบ้านถล่มโหดใส่รองแชมป์ลีกแดนน้ำหอม “โอแอม” โอลิมปิก มาร์กเซย แบบบอลคนละชั้น 3-0 ปิดจ็อบถ้วยยุโรปรอบแรกด้วยฟอร์มอันแข็งแกร่งเป็นแชมป์กลุ่มแบบไม่ปราชัยให้กับทีมใดเลย เรียกว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นที่กำลังเรียกฟอร์มเก่าๆ กลับมาได้ทันเวลาพอดิบพอดี หลังออกตัวแบบเสียรังวัดในบอลลีกด้วยผลงานอันกระท่อนกระแท่นในช่วงแรก เนื่องมาจากตัวหลักในแดนหน้าต่างผลัดเวรกันไปเยี่ยมพยาบาลอยู่ตลอด จนต้องสลับเอาปีกไปยืนค้ำหน้าอยู่หลายนัด สำหรับความพร้อมของขุมกำลังในเกมนี้จะขาดเพียงแค่ตัวเจ็บหน้าเดิมสองรายอย่าง ฟิลิปป์ แซนด์เลอร์ และ นาธาน อาเก้ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนักเพราะคนอื่นๆ ที่เหลือสามารถทดแทนได้แบบไร้รอยต่อ เพราะมีตัวให้เลือกหยิบใช้เป็นหมากแบบเหลือกินเหลือใช้ โดยสตาร์ที่เป็นตัวตัดสินเกมนัดนี้ขอชี้เป้าไปที่ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ ดาวยิงเบอร์หนึ่งของทีมที่หายเจ็บกลับมาฟิตเต็มที่และเพิ่งยิงวอร์มเรียกความฟิตเพิ่มเติมได้ในช่วงกลางสัปดาห์
วิเคราะห์ก่อนเกม เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โอเล่ กับ เป๊ป มีโอกาสวัดฝีมือกัน 4 นัด แต่เป็นทางปีศาจแดงเอาชนะไปถึง 3 ครั้ง 3 ครา อย่างไรก็ตามเกมนัดนี้เหมือนมาผิดเวลาสำหรับ เฮียยิ้ม เสียเหลือเกินเพราะเจอกระแสจากทั้งแฟนบอล และสื่อกดดันเรื่องตำแหน่งหลังพาทีมปิ๋วจากถ้วยหูใหญ่มาหมาดๆ พอกลับบ้านก็ต้องมาดวลเกม ดาร์บี้ แมตช์ ในสภาพที่จิตใจของทีมกำลังสั่นคลอน เชื่อว่าบทเรียนในนัดที่ผ่านมาคงสอนให้เขาต้องปรับหมากมาใช้แผนการเล่นที่ตัวเองถนัด ด้วยการกลับมาเล่นแผงหลัง 4 คน แล้วใช้กองกลางตัวรับสองคนคอยสกรีนบอลก่อนถึงคู่เซ็นเตอร์แบ็ค ปัจจัยที่ โซลชา จำเป็นต้องเสี่ยงในเกมนี้ คืออาจจำเป็นต้องส่งมิดฟิลด์เจ้าปัญหาอย่าง ปอล ป็อกบา ลงเป็นตัวจริงเสียที เพราะหลังจากที่กองกลางดีกรีแชมป์โลกลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงหลังจะเห็นได้ว่าช่วยแบ่งเบาภาระของ บรูโน่ ในการจ่ายบอลและพาบอลขึ้นหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องลุ้นแบบสุ่มเสี่ยงในเรื่องการเล่นเกมรับของเจ้าตัวที่ชอบเข้าบอลแบบไม่ระวังในพื้นที่อันตรายอยู่เสมอ บวกกับอารมณ์ศิลปินที่บางทีก็โชว์เล่นยากจนเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดเสียประตูอยู่บ่อยครั้ง แท็คติกเกมนี้คงมาอุดเน้นไม่แพ้เพื่อเซฟเก้าอี้ไว้ก่อน อาศัยจังหวะเคาน์เตอร์แอทแทคโจมตีด้วยแนวรุกที่มีความเร็วเหมือนเดิม ส่วนทางผู้มาเยือน เรือใบสีฟ้า ถึงจะเล่นนอกรังแต่ขุนพลผ่อนคลายกว่าแน่ๆ ไม่มีเรื่องความกดดันใดๆ ให้ต้องกังวล แค่เล่นตามเกมของตนเองด้วยการครองบอลบุกใส่ นวดไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าบ้านจะน่วม ซึ่งทาง เป๊ป คงสังเกตุเห็นแล้วว่าจุดบอดในแผงหลังของ ปีศาจแดง นั้นเป็นอดีตเป้าหมายในการเสริมทัพอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่มีความคล่องตัวและสปีดต้นที่ช้ายากจะต่อกรกับแนวรุกที่เลี้ยงกินตัวได้เก่งที่ตนเองมีในมือ แถมช่วงหลังเมื่อปราการหลังทีมชาติอังกฤษทำผิดพลาดมักจะแสดงอาการผิดหวังแล้วเล่นแบบขาดสมาธิจนเสียประตูชี้เป็นชี้ตายอยู่เสมอ จึงน่าจะใส่แนวรุกที่แพ้ทางมาเจาะแบบเต็มสูบแล้วปล่อยให้เล่นแบบอิสระเพราะเซ้นส์บอลทันกันอยู่แล้ว เชื่อว่าเกมนี้เจ้าถิ่น ปีศาจแดง คงยากที่จะผ่านมรสุมฟอร์มห่วยไปได้เหมือนลูปนรกช่วงก่อน เนื่องจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังอยู่ในโมเมนตั้มขาขึ้นพอดิบพอดี สุดท้ายคงพ่ายคารังไปแบบสู้ไม่ไหวด้วยสกอร์ที่ขาดเกินกว่าแฟนบอล เร้ด อาร์มี่ จะอดทนรับสภาพทีมอันย่ำแย่ต่อไปได้อีก…ท้ายที่สุดแล้วขอฝากบทความเรื่องกุนซือคนใหม่ของ ปีศาจแดง ของเว็บไซต์ 168Kick เอาไว้ล่วงหน้า เพราะกล้ารับรองได้เลยว่าหลังจบเกมนี้กระแสเรื่องนี้วนลูปมาอีกแน่ๆ
มโน…ไปเรื่อยเรื่อง “กุนซือใหม่ปีศาจแดง” ตอนที่ 1 : ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล
มโน…ไปเรื่อยเรื่อง “กุนซือใหม่ปีศาจแดง” ตอนที่ 2 : มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี
มโน…ไปเรื่อยเรื่อง “กุนซือใหม่ปีศาจแดง” ตอนจบ : เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา (GK) – อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคเตอร์ ลินเดลอฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์ – ปอล ป็อกบา, เฟร็ด – เมสัน กรีนวู้ด, บรูโน่ แฟร์นานเดส, อเล็กซ์ เตลเลส – มาร์คัส แรชฟอร์ด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) : แซค สเตฟเฟน (GK) – ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์ก, ชูเอา คานเซโล่ – เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน – ริยาด มาห์เรซ, เซร์คิโอ กุน อเกวโร่, ราฮีม สเตอร์ริ่ง
ผลสกอร์ที่คาด : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 – 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้